ข่าวสารวันนี้

ส่องข่าวสาร แวดวงการเมือง อัปเดตรายวัน

    อาหารเจ ทำเองง่ายๆ อร่อยครบรส ไม่ต้องง้อร้าน

    เมนูอาหารเจ

    อาหารเจ ทำเองง่ายๆ อร่อยครบรส ไม่ต้องง้อร้าน

    เทศกาลกินเจใกล้เข้ามาแล้ว หลายคนคงกำลังมองหาเมนูอาหารเจแสนอร่อยทำทานเองที่บ้านใช่ไหมคะ? ไม่ต้องกังวลไปค่ะ วันนี้เรามีเมนูอาหารเจง่ายๆ ที่ทำตามได้ไม่ยาก มาฝากกันหลายเมนูเลยทีเดียว รับรองว่าอร่อยถูกปากแน่นอน

    ทำไมต้องทำอาหารเจกินเอง?

    • ควบคุมวัตถุดิบ: เลือกวัตถุดิบที่สดใหม่ ปลอดสารพิษ ได้ตามใจชอบ
    • อร่อยและมีประโยชน์: ปรุงรสชาติได้ตามชอบ เน้นผักสด ผลไม้ และโปรตีนจากพืช
    • ประหยัดค่าใช้จ่าย: ทำเองได้ในปริมาณที่ต้องการ ไม่ต้องซื้อแพง
    • สนุกกับการทำอาหาร: ได้เรียนรู้สูตรอาหารใหม่ๆ และสร้างสรรค์เมนูได้หลากหลาย

    เมนูอาหารเจง่ายๆ ทำเองได้ที่บ้าน

    • ผัดผักรวมมิตร: เมนูเบสิคที่ทำง่าย เพียงแค่เตรียมผักหลากสีสัน เช่น แครอท ฟักทอง ถั่วฝักยาว ผัดกับซอสปรุงรสเจ ก็อร่อยแล้ว
    • ต้มจืดเต้าหู้: เมนูสุขภาพ อิ่มท้อง ด้วยเต้าหู้เนื้อนุ่ม ผักกาดขาว เห็ดหอม ต้มกับน้ำซุปใสๆ ปรุงรสด้วยซอสปรุงรสเจ
    • ผัดกระเพราเต้าหู้: เมนูสุดฮิตที่ทำเป็นเจได้ เพียงแค่เปลี่ยนเนื้อสัตว์เป็นเต้าหู้หมัก หรือโปรตีนเกษตร ผัดกับพริกแกงเขียวหวานเจ
    • แกงเขียวหวานเจ: เมนูแกงรสจัดจ้าน หอมเครื่องแกงเขียวหวาน ใช้เต้าหู้ หรือเห็ดแทนเนื้อสัตว์
    • ผัดไทยเจ: เมนูเส้นยอดนิยม เพียงแค่เปลี่ยนเส้นหมี่เป็นเส้นจันท์ หรือเส้นก๋วยเตี๋ยวหลอด แล้วผัดกับซอสผัดไทยเจ
    • ข้าวผัดเจ: ข้าวสวยร้อนๆ ผัดกับผักหลากสีสัน และไข่เจ
    • ส้มตำเจ: เปรี้ยว เผ็ด เค็ม หวาน ครบรส สดชื่น
    • ยำวุ้นเส้นเจ: วุ้นเส้นเหนียวนุ่ม คลุกเคล้ากับน้ำยำรสเด็ด

    เคล็ดลับการทำอาหารเจให้อร่อย

    • เลือกวัตถุดิบสดใหม่: วัตถุดิบสดใหม่จะช่วยให้อาหารมีรสชาติอร่อย
    • ปรุงรสด้วยสมุนไพร: ใช้สมุนไพรไทย เช่น ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด เพื่อเพิ่มกลิ่นหอมและรสชาติ
    • ใช้เครื่องปรุงรสเจ: มีจำหน่ายมากมายหลากหลายชนิด เช่น ซอสปรุงรสเจ น้ำปลาเจ ซีอิ๊วขาวเจ
    • สร้างสรรค์เมนูใหม่ๆ: ลองปรับเปลี่ยนสูตรอาหารเดิมๆ ให้เป็นเมนูเจ

    ตัวอย่างสูตรอาหารเจ ผัดผักรวมมิตร

    วัตถุดิบ

    • ผักรวมมิตร (แครอท, ฟักทอง, ถั่วฝักยาว, กะหล่ำปลี)
    • เห็ด
    • น้ำมันพืช
    • ซอสปรุงรสเจ
    • น้ำตาลทราย
    • พริกไทย

    วิธีทำ

    1. หั่นผักและเห็ดเป็นชิ้นพอคำ
    2. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืช พอร้อนนำผักลงผัดจนสุก
    3. ปรุงรสด้วยซอสปรุงรสเจ น้ำตาลทราย และพริกไทย ชิมรสตามชอบ
    4. ตักเสิร์ฟ

    เพียงเท่านี้ก็ได้เมนูอาหารเจอร่อยๆ ทานเองที่บ้านแล้วค่ะ ลองทำตามสูตรนี้ หรือจะปรับเปลี่ยนวัตถุดิบตามชอบก็ได้นะคะ

    ไฟไหม้รสบัส

    โศกนาฏกรรม! ไฟไหม้รถบัสนักเรียน ดับ 23 ชีวิต ถังแก๊ส 15 ปี ตรวจสอบสาเหตุเร่งด่วน

    เหตุการณ์สลดใจเกิดขึ้นเมื่อรถบัสทัศนศึกษาของนักเรียนชั้นประถมศึกษาจากโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จังหวัดอุทัยธานี เกิดไฟไหม้ขณะเดินทางบนถนนพหลโยธิน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 23 ราย ประกอบด้วยนักเรียน 20 คน และครูอีก 3 คน เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความโศกเศร้าให้กับครอบครัวผู้สูญเสียและสังคมไทยเป็นอย่างมาก

    จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่ารถบัสคันเกิดเหตุใช้แก๊ส NGV ซึ่งมีอายุการใช้งานถึง 15 ปีแล้ว และกำลังจะหมดอายุในปี 2569 อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่แท้จริงของการเกิดไฟไหม้รสบัสยังอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ…

    โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด

    โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด: ความรู้เบื้องต้นที่คุณควรรู้

    โรคหัวใจพิการแต่กำเนิดคืออะไร?

    โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด (Congenital heart disease) คือภาวะที่หัวใจและหลอดเลือดใหญ่มีโครงสร้างผิดปกติตั้งแต่เกิด ซึ่งเกิดจากความผิดพลาดในการเจริญเติบโตของหัวใจในช่วงที่ทารกอยู่ในครรภ์ โรคนี้สามารถพบได้ในทารกแรกเกิดทุก 100 คน และมีหลากหลายรูปแบบความรุนแรง

    สาเหตุของโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด

    สาเหตุที่แน่ชัดของโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่ปัจจัยเสี่ยงบางประการที่อาจเกี่ยวข้อง ได้แก่

    • พันธุกรรม: มีประวัติครอบครัวเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด
    • ปัจจัยสิ่งแวดล้อม: การติดเชื้อในระหว่างตั้งครรภ์ การได้รับสารพิษ เช่น ยาบางชนิด แอลกอฮอล์ หรือสารเสพติด
    • โรคประจำตัวของมารดา: โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง หรือโรคติดเชื้อบางชนิด

    อาการของโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด

    อาการของโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรงของโรค แต่โดยทั่วไปอาจพบอาการดังนี้

    • หายใจลำบาก: หายใจเร็ว หอบเหนื่อย
    • สีผิวซีด: โดยเฉพาะบริเวณริมฝีปากและเล็บ
    • เหนื่อยง่าย: แม้จะทำกิจวัตรประจำวัน
    • น้ำหนักตัวไม่ขึ้น: เด็กเติบโตช้า
    • หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
    • บวม: ที่ขาหรือท้อง

    การวินิจฉัยโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด

    แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดได้โดยอาศัยประวัติการเจ็บป่วย การตรวจร่างกาย และการตรวจเพิ่มเติม เช่น

    • ฟังเสียงหัวใจ: แพทย์จะใช้หูฟังเพื่อฟังเสียงผิดปกติของหัวใจ
    • เอกซเรย์ทรวงอก: เพื่อดูขนาดและรูปร่างของหัวใจ
    • คลื่นไฟฟ้าหัวใจ: เพื่อตรวจสอบการทำงานของไฟฟ้าในหัวใจ
    • อัลตราซาวด์หัวใจ: เป็นการตรวจที่สำคัญที่สุดในการวินิจฉัยโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด
    • การสวนหัวใจ: เพื่อตรวจสอบโครงสร้างของหัวใจโดยละเอียด

    การรักษาโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด

    การรักษาโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดจะขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรงของโรค โดยอาจรักษาด้วย

    • ยา: เพื่อควบคุมอาการและลดความดันในหลอดเลือด
    • การผ่าตัด: เพื่อแก้ไขความผิดปกติของโครงสร้างหัวใจ

    การดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด

    ผู้ป่วยโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากแพทย์ โดยอาจต้องได้รับยาตามที่แพทย์สั่ง และเข้ารับการตรวจสุขภาพตามนัดหมายอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ ผู้ปกครองควรให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพทั่วไปของเด็ก เช่น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกาย และการพักผ่อนให้เพียงพอ

    คำแนะนำสำหรับผู้ปกครอง:

    • ปรึกษาแพทย์: หากสงสัยว่าบุตรหลานมีอาการของโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้อง
    • ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์: ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
    • ดูแลสุขภาพของบุตรหลาน: ให้บุตรหลานได้รับวัคซีนป้องกันโรคต่างๆ ตามกำหนด
    • ให้กำลังใจบุตรหลาน: สร้างความเข้าใจและให้กำลังใจบุตรหลานอยู่เสมอ

    หมายเหตุ: ข้อมูลนี้เป็นเพียงข้อมูลทั่วไป ไม่สามารถใช้ทดแทนคำแนะนำจากแพทย์ได้ ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล

    เลขเด็ดงวดนี้ 1/10/67 มาจากไหน? วิเคราะห์จากสถิติหวยออกวันอังคาร

    เลขเด็ดงวดนี้ 1/10/67 มาจากไหน? วิเคราะห์จากสถิติหวยออกวันอังคาร

    การวิเคราะห์เลขหวยจากสถิติหวยที่ออกในวันอังคารย้อนหลัง 10 ปี เป็นหนึ่งในวิธีการที่คอหวยนิยมใช้ในการทำนายเลขเด็ดงวดต่อไป โดยสำหรับงวดวันที่ 1/10/67 นี้ เราได้รวบรวมข้อมูลสถิติหวยออกวันอังคารเพื่อช่วยให้คุณวิเคราะห์เลขที่น่าจะออกได้อย่างแม่นยำขึ้น

    สถิติหวยออกวันอังคารย้อนหลัง 10 ปี

    จากการรวบรวมสถิติหวยที่ออกในวันอังคารตลอด 10 ปี พบว่าเลข 2 ตัวท้ายที่ออกบ่อย ได้แก่

    • เลข 12, 56, 89 มีการออกซ้ำหลายครั้งในปีต่าง ๆ
    • เลขท้าย 3 ตัวที่ออกบ่อย ได้แก่ 456, 789, 123 ซึ่งเป็นตัวเลขที่มักจะปรากฏในวันอังคาร

    เช็กเลขเด็ดงวด 1/10/67

    จากการวิเคราะห์สถิติที่ผ่านมาพบว่าเลขที่น่าจะเป็นเลขเด็ดในงวดนี้คือ 12, 34, 89 ซึ่งมีแนวโน้มที่จะออกในหวยงวดวันที่ 1/10/67 เนื่องจากเป็นเลขที่เคยออกซ้ำในหลาย ๆ ปีที่ผ่านมา โดยการเช็กสถิติเลขซ้ำยังเป็นการเพิ่มโอกาสให้คุณได้เลือกเลขที่มีความเป็นไปได้สูง

    วิธีการวิเคราะห์สถิติหวยและใช้ให้เกิดประโยชน์

    การดูสถิติย้อนหลังเพื่อเลือกเลขเด็ดถือเป็นเทคนิคที่ช่วยให้ผู้เล่นมีแนวทางในการเลือกเลขได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่าการเล่นหวยมีความเสี่ยง ควรเล่นอย่างมีวิจารณญาณและไม่ควรเสี่ยงเกินไป

    มายด์ใน เกมรักปาฏิหาริย์ EP.1 จะเดินทางในเส้นทางไหนหลังเจอความจริงสุดช็อก

    มายด์ใน เกมรักปาฏิหาริย์ EP.1 จะเดินทางในเส้นทางไหนหลังเจอความจริงสุดช็อก

    เกมรักปาฏิหาริย์ EP.1 เริ่มต้นด้วยการนำเสนอเรื่องราวของ “มายด์” หญิงสาวที่ชีวิตกำลังเผชิญกับช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ มายด์เป็นตัวแทนของคนที่กำลังค้นหาความหมายในชีวิต เธอมีหน้าที่การงานที่มั่นคงและความสัมพันธ์ที่ดูเหมือนจะราบรื่น แต่ภายในเธอกลับต้องต่อสู้กับความรู้สึกที่ไม่แน่ใจเกี่ยวกับอนาคต

    จุดพลิกผันในเรื่องเกิดขึ้นเมื่อเธอได้รู้ความจริงบางอย่างที่ทำให้ทุกสิ่งที่เธอเชื่อพังทลาย มันเป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ทำให้มายด์ต้องตัดสินใจว่าจะเดินต่อไปในเส้นทางไหน การเลือกของเธอไม่เพียงแต่จะส่งผลต่อตัวเธอเอง แต่ยังรวมถึงคนรอบข้างอีกด้วย

    การต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงและความรัก เป็นหัวใจหลักของเรื่องในตอนนี้ การเดินทางของมายด์ในตอนแรกเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการท้าทายครั้งใหญ่ในชีวิตเธอ

    ข้าราชการบรรจุใหม่เตรียมรับเงินเดือน 18,000 บาท หลังครม. อนุมัติปรับขึ้น 10%

    ข้าราชการบรรจุใหม่เตรียมรับเงินเดือน 18,000 บาท หลังครม. อนุมัติปรับขึ้น 10%

    คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ลงมติเห็นชอบให้มีการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการทั้งระบบ 10% โดยเฉพาะข้าราชการบรรจุใหม่ ซึ่งจะได้รับเงินเดือนเริ่มต้นที่ 18,000 บาท นโยบายนี้เป็นการตอบสนองต่อภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน และยังเป็นการสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ทำหน้าที่สำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ

    การปรับขึ้นเงินเดือนในครั้งนี้ ครอบคลุมทั้งข้าราชการในทุกระดับ ซึ่งไม่เพียงแต่ข้าราชการบรรจุใหม่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงข้าราชการที่ปฏิบัติงานมาเป็นระยะเวลานาน เพื่อเพิ่มความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำในการกระจายรายได้

    ข้อดีจากการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ

    1. เพิ่มความเป็นธรรมในระบบการจ้างงาน – การปรับขึ้นเงินเดือนช่วยให้ข้าราชการทุกคนมีรายได้ที่เพียงพอต่อค่าครองชีพที่สูงขึ้น ช่วยลดปัญหาทางการเงินที่อาจเกิดขึ้น
    2. เงินเดือนเริ่มต้น 18,000 บาท – ข้าราชการบรรจุใหม่จะได้รับเงินเดือนที่สูงขึ้นจากนโยบายนี้ ช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตตั้งแต่เริ่มต้นทำงาน
    3. ผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ – การปรับขึ้นเงินเดือนจะทำให้มีการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในภาคเศรษฐกิจ ช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศ

    นอกจากนี้ การปรับขึ้นเงินเดือนนี้ยังแสดงถึงความสำคัญของรัฐบาลที่ให้กับข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐที่เป็นกำลังหลักในการบริหารงานราชการ โดยการปรับเงินเดือนในครั้งนี้ถือเป็นการส่งเสริมขวัญกำลังใจและสนับสนุนการพัฒนาภาครัฐอย่างยั่งยืน

    ป้องกันมะเร็งด้วยตัวเองง่าย ๆ 8 วิธีที่ใครก็ทำได้

    ป้องกันมะเร็งด้วยตัวเองง่าย ๆ 8 วิธีที่ใครก็ทำได้

    ป้องกันโรคมะเร็งง่าย ๆ เพียงปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน

    โรคมะเร็งยังคงเป็นหนึ่งในโรคร้ายที่หลายคนกังวล แต่ข่าวดีคือ เราสามารถลดโอกาสในการเกิดโรคนี้ได้เพียงปรับพฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน

    1. รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่

    เลือกอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน โดยเฉพาะผักและผลไม้ เพราะอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่ช่วยต้านมะเร็ง

    2. หลีกเลี่ยงการบริโภคเนื้อแดงและเนื้อแปรรูป

    การบริโภคเนื้อแดงมากเกินไปและเนื้อแปรรูปอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งลำไส้ใหญ่

    3. ออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน

    การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งเต้านม และมะเร็งลำไส้

    4. หยุดสูบบุหรี่และลดการดื่มแอลกอฮอล์

    บุหรี่และแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่ส่งผลต่อการเกิดมะเร็ง หากสามารถเลิกหรือหลีกเลี่ยงจะลดความเสี่ยงลงได้

    5. ดื่มน้ำให้เพียงพอ

    การดื่มน้ำมากพอในแต่ละวันช่วยให้ร่างกายขับของเสียออกได้ดี ลดการสะสมของสารพิษที่อาจก่อให้เกิดมะเร็ง

    6. หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารพิษและมลพิษ

    สารพิษจากมลภาวะ อาหาร และเครื่องสำอางบางชนิดอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง การหลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่ไม่ดีจึงเป็นสิ่งจำเป็น

    7. นอนหลับเพียงพอและลดความเครียด

    การนอนหลับให้เพียงพอและการลดความเครียดเป็นการส่งเสริมให้ร่างกายแข็งแรงและลดโอกาสในการเกิดโรค

    8. ตรวจสุขภาพประจำปี

    การตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอทำให้เรารู้ความเสี่ยงและสามารถป้องกันหรือรักษาได้อย่างทันท่วงที

    เลือกเนื้อหมูแบบไหนให้เหมาะกับเมนูที่คุณทำ

    เลือกเนื้อหมูแบบไหนให้เหมาะกับเมนูที่คุณทำ

    เนื้อหมูสันนอกและสันในเป็นส่วนที่นิยมใช้ในการทำอาหาร แต่หลายคนอาจยังสงสัยว่าทั้งสองส่วนนี้ต่างกันอย่างไร และควรเลือกใช้ส่วนไหนในการทำเมนูโปรดของคุณ บทความนี้จะช่วยแนะนำความแตกต่างระหว่างเนื้อหมูทั้งสองส่วนให้คุณได้เข้าใจมากขึ้น

    สันนอก: เนื้อแน่นมันหน่อย
    เนื้อหมูสันนอกเป็นเนื้อที่มาจากบริเวณหลังของหมู ซึ่งเนื้อส่วนนี้จะมีไขมันแทรกอยู่เล็กน้อย เนื้อจึงมีความมันและรสชาติที่เข้มข้นกว่า สันนอกมีเนื้อสัมผัสที่แน่น และอาจเหนียวกว่าสันใน แต่ด้วยไขมันที่แทรกอยู่ทำให้เมนูที่ใช้เนื้อสันนอกจะมีรสชาติเข้มข้น นิยมใช้ในการทำเมนูสเต็ก หมูผัด และหมูทอด

    สันใน: เนื้อนุ่มละลายในปาก
    สำหรับสันใน เนื้อส่วนนี้เป็นเนื้อที่ไม่เคลื่อนไหวมาก จึงมีความนุ่มที่สุดของหมู อีกทั้งยังมีไขมันน้อยมาก ทำให้เมนูที่ทำจากเนื้อสันในจะให้สัมผัสที่นุ่มฟันเหมาะสำหรับเมนูที่ต้องการเนื้อนุ่มละมุน เช่น สเต็กหมูแบบนุ่ม ต้มจืด หรือหมูย่างนุ่มๆ

    ความแตกต่างด้านรสชาติ
    เนื้อสันนอกจะมีรสชาติที่เข้มข้นกว่าเนื่องจากมีไขมันแทรก แต่เนื้อสัมผัสจะแน่นและแข็งเล็กน้อย ในขณะที่สันในจะให้เนื้อสัมผัสที่นุ่มและละลายได้ในปาก แต่รสชาติจะอ่อนกว่าเนื้อสันนอก

    เมนูที่เหมาะกับเนื้อสันนอกและสันใน

    • เนื้อสันนอก: หมูทอด สเต็กหมู เนื้อผัด
    • เนื้อสันใน: สเต็กนุ่ม ต้มจืด หมูย่างนุ่ม

    สรุป
    เนื้อสันนอกและสันในมีความแตกต่างกันทั้งด้านรสชาติและเนื้อสัมผัส สันในนุ่มฟันกว่า เหมาะกับเมนูที่ต้องการความนุ่ม เช่น หมูย่างหรือต้มจืด ส่วนสันนอกมีรสชาติที่เข้มข้นกว่า เหมาะกับเมนูที่ต้องการความมันและความแน่น เช่น หมูทอดหรือสเต็ก

    6 อาหารต้านการอักเสบ กินแล้วดี ลดเสี่ยงโรคร้าย

    6 อาหารต้านการอักเสบ กินแล้วดี ลดเสี่ยงโรคร้าย

    การอักเสบในร่างกายอาจเป็นสาเหตุของโรคร้ายแรงมากมาย เช่น มะเร็ง โรคหัวใจ และภาวะซึมเศร้า การป้องกันและลดการอักเสบจึงมีความสำคัญ อาหารบางชนิดมีสรรพคุณต้านการอักเสบและช่วยป้องกันโรคเรื้อรังได้ มาดูกันว่า 6 อาหารเหล่านั้นคืออะไร

    1. ปลาแซลมอน

    แซลมอนมีกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่ช่วยลดการอักเสบและส่งเสริมสุขภาพหัวใจ นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงสมองและลดความเสี่ยงของภาวะซึมเศร้า

    2. อะโวคาโด

    อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว วิตามิน และแร่ธาตุที่ช่วยลดการอักเสบ การบริโภคอะโวคาโดช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและมะเร็ง

    3. มะเขือเทศ

    มะเขือเทศเป็นแหล่งของไลโคปีน สารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งช่วยลดการอักเสบและป้องกันโรคหัวใจ

    4. ขิง

    ขิงมีสรรพคุณในการต้านการอักเสบ ลดอาการเจ็บปวด และช่วยปรับสมดุลในร่างกาย การบริโภคขิงสามารถลดความเสี่ยงของโรคข้ออักเสบและมะเร็งได้

    5. ถั่วต่างๆ

    การบริโภคถั่วชนิดต่างๆ เช่น อัลมอนด์ และเมล็ดแฟล็กซ์ ช่วยลดการอักเสบและบำรุงหัวใจ ถั่วเหล่านี้มีกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่สำคัญต่อการลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง

    6. ชาเขียว

    ชาเขียวมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการอักเสบและบำรุงสมอง นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงของภาวะซึมเศร้าและโรคอัลไซเมอร์

    สรุป อาหารที่มีสรรพคุณต้านการอักเสบไม่เพียงช่วยลดการเกิดโรคเรื้อรัง แต่ยังเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น การเลือกบริโภคอาหารเหล่านี้จึงเป็นกุญแจสำคัญในการดูแลสุขภาพ

    ภัยเงียบคร่าชีวิต “อ๋อม อรรคพันธ์” รู้จัก “มะเร็งกล้ามเนื้อหัวใจ” และวิธีป้องกัน

    ภัยเงียบคร่าชีวิต “อ๋อม อรรคพันธ์” รู้จัก “มะเร็งกล้ามเนื้อหัวใจ” และวิธีป้องกัน

    มะเร็งกล้ามเนื้อหัวใจ เป็นโรคที่มีความรุนแรงและยากต่อการตรวจพบ เนื่องจากอาการที่เกิดขึ้นมักคล้ายกับโรคหัวใจทั่วไป ทำให้ผู้ป่วยหลายรายไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที กรณีการเสียชีวิตของนักแสดง “อ๋อม อรรคพันธ์” เป็นตัวอย่างที่ทำให้สังคมเริ่มหันมาสนใจโรคนี้มากขึ้น

    สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง มะเร็งกล้ามเนื้อหัวใจเกิดจากการที่เซลล์ผิดปกติเริ่มเจริญเติบโตในกล้ามเนื้อหัวใจ แม้จะพบได้ยาก แต่หากเกิดขึ้นจะมีความรุนแรงอย่างมาก ปัจจัยเสี่ยงได้แก่ การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ มีประวัติครอบครัวเป็นโรคมะเร็ง หรือผู้ที่เคยได้รับการฉายรังสีบริเวณทรวงอก

    6 สัญญาณเตือนที่ต้องระวัง

    1. อาการเจ็บหน้าอก – เจ็บหน้าอกรุนแรง เป็นสัญญาณแรกที่หลายคนมักมองข้าม
    2. หายใจลำบาก – หากหายใจติดขัดหรือหอบเหนื่อยง่ายกว่าปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์
    3. หัวใจเต้นผิดปกติ – หัวใจเต้นเร็วหรือเต้นช้าเกินไป เป็นสัญญาณที่ไม่ควรละเลย
    4. ขาบวม – การบวมที่ขาโดยไม่มีสาเหตุ อาจเกิดจากการทำงานของหัวใจที่ไม่ปกติ
    5. เวียนศีรษะและเป็นลม – มักเกิดขึ้นเมื่อมีการขาดออกซิเจนในร่างกาย
    6. น้ำหนักลดผิดปกติ – การสูญเสียน้ำหนักอย่างรวดเร็วและไม่ทราบสาเหตุเป็นสัญญาณเตือนที่อันตราย

    แนวทางการตรวจวินิจฉัย การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ การตรวจเอกซเรย์ทรวงอก หรือการตรวจเลือดสามารถใช้วินิจฉัยโรคนี้ได้ การตรวจ MRI ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เห็นความผิดปกติที่ชัดเจน

    การรักษาและแนวทางป้องกัน การรักษามะเร็งกล้ามเนื้อหัวใจมักจะใช้การผ่าตัด เคมีบำบัด หรือการฉายรังสี แต่การป้องกันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด การดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ลดการสูบบุหรี่ ลดการดื่มแอลกอฮอล์ และหมั่นตรวจสุขภาพประจำปีจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคได้


    เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

    ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

    คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

    ยอมรับทั้งหมด
    จัดการความเป็นส่วนตัว
    • เปิดใช้งานตลอด

    บันทึกการตั้งค่า