ข่าวสารวันนี้

ส่องข่าวสาร แวดวงการเมือง อัปเดตรายวัน

    ผู้เขียน: collinbroad-admin

    น้ํามันถั่วเหลือง ดีไหม

    น้ำมันถั่วเหลือง: ดีหรือไม่ดีต่อสุขภาพ?

    น้ำมันถั่วเหลืองป็นน้ำมันพืชที่ได้รับความนิยมในการนำมาประกอบอาหารอย่างแพร่หลายในประเทศไทย เนื่องจากมีราคาไม่แพงและหาซื้อได้ง่าย อย่างไรก็ตาม ก็มีข้อถกเถียงเกี่ยวกับประโยชน์และโทษของน้ำมันถั่วเหลืองต่อสุขภาพ วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับน้ำมันถั่วเหลืองให้มากขึ้น เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจเลือกใช้น้ำมันได้อย่างเหมาะสม

    ประโยชน์ของน้ำมันถั่วเหลือง

    • มีกรดไขมันไม่อิ่มตัว: น้ำมันถั่วเหลืองมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (PUFAs) สูง ซึ่งเป็นไขมันที่ดีต่อสุขภาพ ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL)
    • มีวิตามินอี: น้ำมันถั่วเหลืองเป็นแหล่งของวิตามินอี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายและชะลอความเสื่อมของร่างกาย
    • มีกรดไขมันโอเมก้า 3: น้ำมันถั่วเหลืองมีกรดไขมันโอเมก้า 3 ในปริมาณที่พอเหมาะ ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด

    โทษของน้ำมันถั่วเหลือง

    • มีกรดไขมันโอเมก้า 6 สูง: น้ำมันถั่วเหลืองมีกรดไขมันโอเมก้า 6 สูง ซึ่งหากบริโภคมากเกินไปอาจทำให้เกิดการอักเสบในร่างกายได้
    • อาจผ่านกระบวนการแปรรูป: น้ำมันถั่วเหลืองส่วนใหญ่มักผ่านกระบวนการแปรรูป ซึ่งอาจทำให้สูญเสียสารอาหารบางชนิดและเกิดสารประกอบที่เป็นอันตราย
    • อาจมีการตัดแต่งพันธุกรรม (GMO): ถั่วเหลืองส่วนใหญ่ที่นำมาผลิตน้ำมันอาจมีการตัดแต่งพันธุกรรม ซึ่งยังคงเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันถึงความปลอดภัยต่อสุขภาพ

    คำแนะนำในการใช้น้ำมันถั่วเหลือง

    • เลือกน้ำมันถั่วเหลืองที่ผ่านกระบวนการสกัดเย็น (cold-pressed) หรือน้ำมันถั่วเหลืองออร์แกนิก เพื่อรักษาสารอาหารให้ได้มากที่สุด
    • ใช้น้ำมันถั่วเหลืองในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ควรบริโภคมากเกินไป
    • ใช้น้ำมันถั่วเหลืองในการปรุงอาหารที่ใช้ความร้อนปานกลาง เช่น ผัด หรืออบ
    • หลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันถั่วเหลืองในการทอดอาหารที่ใช้ความร้อนสูง เนื่องจากอาจทำให้เกิดสารประกอบที่เป็นอันตราย

    สรุป

    น้ำมันถั่วเหลืองมีทั้งประโยชน์และโทษต่อสุขภาพ การเลือกใช้น้ำมันถั่วเหลืองอย่างเหมาะสมและในปริมาณที่พอเหมาะ จะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์จากน้ำมันถั่วเหลืองโดยไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับน้ำมันถั่วเหลือง ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ เพื่อขอคำแนะนำที่เหมาะสมกับสุขภาพของคุณ

    คิมซูฮยอน

    คิมซูฮยอนแถลงข่าว! ดราม่าสนั่นโซเชียลฯ ปฏิกิริยาชาวเน็ตเกาหลี-ไทยร้อนระอุ

    จากกรณีความสัมพันธ์ของคิมซูฮยอนและคิมแซรนที่กลายเป็นประเด็นร้อนแรง ล่าสุดคิมซูฮยอนได้ออกมาแถลงข่าวด้วยตนเองเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2025 โดยไม่มีการเปิดให้สัมภาษณ์ ซึ่งการแถลงข่าวในครั้งนี้ได้จุดประกายให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากชาวเน็ตทั้งเกาหลีและไทย

    ชาวเน็ตเกาหลีได้แสดงความคิดเห็นอย่างเผ็ดร้อนต่อการแถลงข่าวของคิมซูฮยอน โดยส่วนใหญ่ไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด และมองว่าเป็นการแสดงละคร ในขณะที่ชาวเน็ตไทยได้วิพากษ์วิจารณ์ถึงท่าทีและน้ำเสียงของคิมซูฮยอนที่ไม่แสดงถึงความจริงใจ และมองว่าเป็นการพยายามสร้างภาพให้ตนเองน่าสงสาร

    แฮชแท็ก #คิมซูฮยอน ได้ติดเทรนด์อันดับ 1 บนโซเชียลมีเดีย X ในประเทศไทยอย่างรวดเร็ว สะท้อนให้เห็นถึงความสนใจของคนไทยต่อประเด็นนี้

    อ่านข่าว คิมซูฮยอนและคิมแซรนเพิ่มเติม ที่นี่เลย

    เครื่องเทศกับกาแฟ

    เครื่องเทศกับกาแฟ: สองสิ่งที่ลงตัว สร้างสรรค์รสชาติใหม่

    กาแฟและเครื่องเทศเป็นส่วนผสมที่ลงตัวอย่างน่าประหลาดใจ การผสมผสานทั้งสองสิ่งนี้เข้าด้วยกันสามารถสร้างสรรค์เครื่องดื่มกาแฟที่มีรสชาติและกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เครื่องเทศช่วยเพิ่มความซับซ้อนให้กับรสชาติของกาแฟ ทำให้กาแฟมีมิติมากขึ้น และยังช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้กับเครื่องดื่มได้อีกด้วย

    เครื่องเทศยอดนิยมที่ใช้กับกาแฟ

    • อบเชย: เครื่องเทศยอดนิยมที่เข้ากันได้ดีกับกาแฟ ช่วยเพิ่มความหอมหวานและอบอุ่นให้กับเครื่องดื่ม
    • ลูกจันทน์เทศ: มีกลิ่นหอมหวานและรสชาติเผ็ดร้อนเล็กน้อย ช่วยเพิ่มความซับซ้อนให้กับรสชาติของกาแฟ
    • ขิง: มีรสชาติเผ็ดร้อนและกลิ่นหอมสดชื่น ช่วยเพิ่มความอบอุ่นและกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต
    • กระวาน: มีกลิ่นหอมหวานและรสชาติเผ็ดร้อนเล็กน้อย ช่วยเพิ่มความหอมและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ให้กับกาแฟ
    • พริกไทยดำ: ช่วยเพิ่มความเผ็ดร้อนและกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ให้กับกาแฟ
    • โป๊ยกั๊ก: มีกลิ่นหอมหวานและรสชาติเผ็ดร้อนเล็กน้อย ช่วยเพิ่มความหอมและรสชาติที่ซับซ้อนให้กับกาแฟ
    • กานพลู: มีกลิ่นหอมหวานและรสชาติเผ็ดร้อน ช่วยเพิ่มความอบอุ่นและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ให้กับกาแฟ

    วิธีการใช้เครื่องเทศกับกาแฟ

    • ใส่เครื่องเทศลงในผงกาแฟ: ก่อนชงกาแฟ สามารถใส่เครื่องเทศที่บดละเอียดลงในผงกาแฟได้เลย
    • ใส่เครื่องเทศลงในน้ำกาแฟ: หลังชงกาแฟ สามารถใส่เครื่องเทศที่บดละเอียดหรือเป็นชิ้นเล็กๆ ลงในน้ำกาแฟได้
    • ทำน้ำเชื่อมเครื่องเทศ: นำเครื่องเทศไปต้มกับน้ำและน้ำตาล เพื่อทำน้ำเชื่อมเครื่องเทศ แล้วนำมาผสมกับกาแฟ
    • โรยเครื่องเทศบนกาแฟ: หลังชงกาแฟ สามารถโรยเครื่องเทศที่บดละเอียดบนกาแฟได้

    เมนูเครื่องเทศกับกาแฟยอดนิยม

    • กาแฟอบเชย: กาแฟที่ผสมกับอบเชย มีกลิ่นหอมหวานและรสชาติอบอุ่น
    • กาแฟขิง: กาแฟที่ผสมกับขิง มีรสชาติเผ็ดร้อนและกลิ่นหอมสดชื่น
    • กาแฟกระวาน: กาแฟที่ผสมกับกระวาน มีกลิ่นหอมหวานและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์
    • กาแฟตุรกี: กาแฟที่ชงกับกระวานและเครื่องเทศอื่นๆ มีรสชาติเข้มข้นและกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์
    • Moka Spice: กาแฟดำเข้มข้น หวานฉ่ำน้ำผึ้ง และมิติหอมจากเครื่องเทศ

    ข้อควรระวัง

    • ควรใช้เครื่องเทศในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้รสชาติของเครื่องเทศกลบกลิ่นและรสชาติของกาแฟ
    • ควรเลือกใช้เครื่องเทศที่มีคุณภาพดี เพื่อให้ได้รสชาติและกลิ่นหอมที่ดีที่สุด
    • ควรทดลองผสมผสานเครื่องเทศต่างๆ เพื่อหารสชาติที่ถูกใจ

    การผสมผสานเครื่องเทศกับกาแฟเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการสร้างสรรค์เครื่องดื่มกาแฟที่มีรสชาติและกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ ลองทดลองผสมผสานเครื่องเทศต่างๆ เพื่อหารสชาติที่ถูกใจ และเพลิดเพลินกับกาแฟแก้วพิเศษของคุณ

    มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2025

    มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2025: สงครามนางงามสุดอลังการ ใครจะคว้ามงทอง?

    เวทีมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2025 (Miss Grand Thailand 2025) กำลังลุกเป็นไฟ! กับการประชันโฉมของ 77 สาวงามทั่วประเทศ ในรอบ Preliminary ที่ผ่านมา พวกเธอได้อวดความงามและความสามารถในชุดราตรีสุดหรูและชุดว่ายน้ำสุดเซ็กซี่ เรียกเสียงฮือฮาจากแฟนนางงามทั่วประเทศ

    การแข่งขันครั้งนี้ดุเดือดกว่าที่เคย เมื่อ “ด้อมนางงาม” ทุ่มทุนไม่อั้นเพื่อสนับสนุนนางงามในดวงใจ ยอดขายสินค้าพุ่งทะยานเป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะการแข่งขันระหว่าง “กชเบล มิสแกรนด์ภูเก็ต” และ “หมอแจน มิสแกรนด์ลำปาง” ที่มียอดขายรวมกันเกือบ 10 ล้านบาทภายใน 3 ชั่วโมง!

    นอกจากความสวยงามแล้ว เวทีมิสแกรนด์ยังเต็มไปด้วยดราม่าและเรื่องราวที่น่าติดตาม การตัดสินของคณะกรรมการ นำโดย “บอสณวัฒน์ อิสรไกรศีล” และ “อิงฟ้า วราหะ” เป็นที่จับตามองของแฟนนางงามทั่วประเทศ ใครจะเป็นผู้คว้ามงกุฎ มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2025และเป็นตัวแทนประเทศไทยไปประกวด “Miss Grand International 2025” ที่ประเทศไทย?

    ร่วมลุ้นและเป็นกำลังใจให้พวกเธอได้ในรอบตัดสิน วันที่ 29 มีนาคม 2568 เวลา 19.00 น. ที่ MGI HALL ชั้น 6 ศูนย์การค้า Bravo BKK ถ.พระราม 9

    น้ำหมักผลไม้

    น้ำหมักผลไม้: เคล็ดลับสุขภาพและความงามจากธรรมชาติ

    น้ำหมักผลไม้เป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากมีสรรพคุณทางยาและประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย น้ำหมักผลไม้ทำจากผลไม้หลากหลายชนิด หมักกับน้ำตาลหรือน้ำผึ้ง จนเกิดกระบวนการหมักทางชีวภาพ ทำให้เกิดสารสำคัญที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย

    ประโยชน์ของน้ำหมักผลไม้

    • อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ: น้ำหมักผลไม้มีวิตามินและแร่ธาตุสูง เช่น วิตามินซี วิตามินเอ วิตามินบี โพแทสเซียม และแมกนีเซียม ซึ่งช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรง
    • มีสารต้านอนุมูลอิสระ: สารต้านอนุมูลอิสระในน้ำหมักผลไม้ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหาย ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรัง เช่น โรคมะเร็งและโรคหัวใจ
    • ช่วยระบบย่อยอาหาร: น้ำหมักผลไม้มีเอนไซม์และโปรไบโอติกส์ที่ช่วยปรับสมดุลระบบย่อยอาหาร ลดอาการท้องผูกและท้องเสีย
    • เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: วิตามินและแร่ธาตุในน้ำหมักผลไม้ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายแข็งแรงและต่อสู้กับเชื้อโรคได้ดีขึ้น
    • บำรุงผิวพรรณ: น้ำหมักผลไม้ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สดใส ลดเลือนริ้วรอยและจุดด่างดำ
    • ช่วยลดน้ำหนัก: น้ำหมักผลไม้มีแคลอรี่ต่ำและมีใยอาหารสูง ช่วยให้อิ่มนานและควบคุมน้ำหนักได้ดี

    ผลไม้ที่นิยมนำมาทำน้ำหมัก

    • สับปะรด: มีเอนไซม์บรอมมีเลน ช่วยย่อยอาหารและลดการอักเสบ
    • มะนาว: มีวิตามินซีสูง ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและบำรุงผิวพรรณ
    • เสาวรส: มีวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยบำรุงผิวพรรณและชะลอวัย
    • มะเฟือง: มีวิตามินซีและใยอาหารสูง ช่วยระบบย่อยอาหารและลดระดับน้ำตาลในเลือด
    • กล้วย: มีโพแทสเซียมสูง ช่วยควบคุมความดันโลหิตและบำรุงหัวใจ
    • มะละกอ: มีเอนไซม์ปาเปน ช่วยย่อยอาหารและลดอาการท้องผูก

    วิธีทำน้ำหมักผลไม้

    1. เลือกผลไม้ที่สดใหม่และสะอาด
    2. ล้างผลไม้ให้สะอาดและหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
    3. ใส่ผลไม้ลงในภาชนะแก้วหรือพลาสติก
    4. เติมน้ำตาลหรือน้ำผึ้งลงไปในอัตราส่วนที่เหมาะสม (โดยทั่วไปคือ ผลไม้ 3 ส่วน น้ำตาล 1 ส่วน)
    5. คนให้เข้ากันและปิดฝาให้สนิท
    6. หมักทิ้งไว้ในที่ร่มประมาณ 1-3 เดือน
    7. กรองเอากากออกและเก็บน้ำหมักไว้ในตู้เย็น

    ข้อควรระวัง

    • ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนดื่มน้ำหมักผลไม้
    • ควรดื่มน้ำหมักผลไม้ในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ควรดื่มมากเกินไป
    • ควรเลือกซื้อน้ำหมักผลไม้จากแหล่งที่เชื่อถือได้

    สรุป

    น้ำหมักผลไม้เป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย แต่ควรดื่มในปริมาณที่เหมาะสมและเลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากน้ำหมักผลไม้

    ระบบเผาผลาญพัง ดูยังไง

    ระบบเผาผลาญพัง ดูยังไง? สัญญาณเตือนที่ควรรู้

    ระบบเผาผลาญพัง ดูยังไง?? ระบบเผาผลาญ (Metabolism) คือกระบวนการที่ร่างกายเปลี่ยนอาหารและเครื่องดื่มให้เป็นพลังงาน หากระบบเผาผลาญทำงานผิดปกติ หรือที่เรียกกันว่า “ระบบเผาผลาญพัง” จะส่งผลต่อการควบคุมน้ำหนักและสุขภาพโดยรวมได้

    สัญญาณเตือนว่าระบบเผาผลาญอาจพัง

    • น้ำหนักขึ้นง่าย ลดน้ำหนักยาก:
      • แม้จะควบคุมอาหารและออกกำลังกาย แต่น้ำหนักก็ไม่ลดลง หรือกลับเพิ่มขึ้นง่าย
      • ร่างกายสะสมไขมันมากกว่าปกติ โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง
    • อ่อนเพลีย ไม่มีแรง:
      • รู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนเพลียตลอดเวลา แม้จะพักผ่อนเพียงพอ
      • ไม่มีแรงทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน
    • อารมณ์แปรปรวน:
      • หงุดหงิดง่าย ฉุนเฉียว หรือเศร้าซึมโดยไม่มีสาเหตุ
      • ความรู้สึกแปรปรวนขึ้นลงบ่อยครั้ง
    • ปัญหาการนอนหลับ:
      • หลับยาก หรือหลับไม่สนิท
      • รู้สึกง่วงนอนตลอดเวลา แม้จะนอนหลับเพียงพอ
    • ผิวแห้ง ผมร่วง:
      • ผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น
      • ผมร่วงมากกว่าปกติ
    • ประจำเดือนผิดปกติ (ในผู้หญิง):
      • ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ หรือขาดประจำเดือน
    • ท้องผูก:
      • การขับถ่ายลดลง หรือขับถ่ายลำบาก

    สาเหตุที่ทำให้ระบบเผาผลาญพัง

    • การอดอาหาร: การอดอาหารหรือกินอาหารน้อยเกินไป ทำให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะจำศีล ชะลอการเผาผลาญพลังงาน
    • การออกกำลังกายมากเกินไป: การออกกำลังกายมากเกินไปโดยไม่พักผ่อนเพียงพอ ทำให้ร่างกายเครียดและชะลอการเผาผลาญ
    • การขาดสารอาหาร: การขาดสารอาหารบางชนิด เช่น โปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุ ส่งผลต่อการทำงานของระบบเผาผลาญ
    • ความเครียด: ความเครียดเรื้อรังทำให้ระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลสูงขึ้น ส่งผลต่อการเผาผลาญพลังงาน
    • การนอนหลับไม่เพียงพอ: การนอนหลับไม่เพียงพอรบกวนการทำงานของฮอร์โมนที่ควบคุมการเผาผลาญ
    • โรคประจำตัว: โรคบางชนิด เช่น โรคไทรอยด์ ส่งผลต่อการทำงานของระบบเผาผลาญ
    • อายุ: เมื่ออายุมากขึ้น ระบบเผาผลาญจะทำงานช้าลง

    การแก้ไขปัญหาระบบเผาผลาญพัง

    • กินอาหารให้เพียงพอ: เน้นอาหารที่มีโปรตีนสูง ผัก ผลไม้ และธัญพืชไม่ขัดสี
    • ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม: ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอและเวทเทรนนิ่งควบคู่กัน
    • นอนหลับให้เพียงพอ: นอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน
    • จัดการความเครียด: ทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย เช่น โยคะ นั่งสมาธิ
    • ปรึกษาแพทย์: หากมีอาการผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม

    คำแนะนำ: หากคุณมีอาการที่เข้าข่ายระบบเผาผลาญพัง ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม

    โทษของเต้าหู้

    โทษของเต้าหู้: กินมากไปก็ไม่ดี!

    เต้าหู้เป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย อุดมไปด้วยโปรตีน แคลเซียม และสารอาหารอื่นๆ แต่การบริโภคเต้าหู้มากเกินไปก็อาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้เช่นกัน เรามาดูกันว่าโทษของเต้าหู้มีอะไรบ้าง

    1. ผลกระทบต่อฮอร์โมน

    • เต้าหู้มีสารไอโซฟลาโวน (isoflavones) ซึ่งมีโครงสร้างคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกาย การบริโภคเต้าหู้มากเกินไปอาจส่งผลต่อระดับฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะในผู้หญิง อาจทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับประจำเดือน หรือเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งเต้านมในบางกรณี
    • ในผู้ชาย การบริโภคเต้าหู้มากเกินไปอาจส่งผลต่อระดับฮอร์โมนเพศชาย ลดจำนวนสเปิร์ม และทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์

    2. ปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร

    • เต้าหู้มีสารไฟเตต (phytates) ซึ่งอาจขัดขวางการดูดซึมแร่ธาตุบางชนิด เช่น เหล็กและสังกะสี การบริโภคเต้าหู้มากเกินไปอาจทำให้ร่างกายขาดแร่ธาตุเหล่านี้
    • เต้าหู้มีใยอาหารสูง การบริโภคมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ หรือท้องเสีย

    3. ผลกระทบต่อต่อมไทรอยด์

    • เต้าหู้มีสารกอยโตรเจน (goitrogens) ซึ่งอาจขัดขวางการทำงานของต่อมไทรอยด์ การบริโภคเต้าหู้มากเกินไปอาจทำให้เกิดภาวะไทรอยด์ทำงานผิดปกติ โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์อยู่แล้ว

    4. อาการแพ้

    • บางคนอาจมีอาการแพ้เต้าหู้ ซึ่งมีอาการตั้งแต่ผื่นคัน ปากบวม ไปจนถึงหายใจลำบาก หากมีอาการแพ้ ควรหยุดบริโภคเต้าหู้ทันที

    5. ผลกระทบต่อผู้ป่วยโรคไต

    • ผู้ป่วยโรคไตควรระมัดระวังการบริโภคเต้าหู้ เนื่องจากเต้าหู้มีโพแทสเซียมสูง การบริโภคมากเกินไปอาจทำให้ระดับโพแทสเซียมในเลือดสูงเกินไป ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยโรคไต

    คำแนะนำ

    • บริโภคเต้าหู้ในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากเกินไป
    • หากมีโรคประจำตัว หรือมีอาการผิดปกติหลังบริโภคเต้าหู้ ควรปรึกษาแพทย์
    • เลือกซื้อเต้าหู้จากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เพื่อหลีกเลี่ยงสารปนเปื้อน

    สรุป: เต้าหู้มีประโยชน์ แต่ควรบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบด้านลบต่อสุขภาพ

    อาหารที่ทําให้ท้องผูก

    อาหารที่ทำให้ท้องผูก: หลีกเลี่ยงเพื่อระบบขับถ่ายที่ดี

    อาการท้องผูกเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในชีวิตประจำวัน ซึ่งส่งผลต่อความรู้สึกไม่สบายตัวและสุขภาพโดยรวม อาหารที่เราบริโภคมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการทำงานของระบบขับถ่าย การรู้จักอาหารที่ทำให้ท้องผูกจึงเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาสุขภาพที่ดี

    อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงเพื่อป้องกันอาการท้องผูก

    1. อาหารแปรรูปและอาหารจานด่วน:
      • อาหารเหล่านี้มักมีปริมาณไฟเบอร์ต่ำและไขมันสูง ซึ่งทำให้การเคลื่อนไหวของลำไส้ช้าลง
      • ตัวอย่าง: อาหารแช่แข็ง, ขนมขบเคี้ยว, อาหารฟาสต์ฟู้ด
    2. ผลิตภัณฑ์จากนม:
      • ในบางคน, แลคโตสในนมอาจทำให้เกิดอาการท้องอืดและท้องผูก
      • ตัวอย่าง: นมวัว, ชีส, ไอศกรีม
    3. เนื้อแดง:
      • เนื้อแดงมีไขมันสูงและย่อยยาก ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการท้องผูกได้
      • ควรบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะและเลือกเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน
    4. อาหารที่มีน้ำตาลสูง:
      • น้ำตาลอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในแบคทีเรียในลำไส้ ซึ่งส่งผลต่อการขับถ่าย
      • ตัวอย่าง: ขนมหวาน, เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง
    5. อาหารที่มีเกลือสูง:
      • เกลือมากเกินไปอาจทำให้ร่างกายขาดน้ำ ซึ่งส่งผลให้อุจจาระแข็งและขับถ่ายยาก
      • ตัวอย่าง: อาหารแปรรูป, อาหารสำเร็จรูป
    6. อาหารที่มีไฟเบอร์ต่ำ:
      • ไฟเบอร์ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ การขาดไฟเบอร์ทำให้การขับถ่ายไม่ปกติ
      • ตัวอย่าง: ข้าวขาว, ขนมปังขาว
    7. อาหารที่มีธาตุเหล็กสูง:
      • ธาตุเหล็กในปริมาณมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการท้องผูก
      • ตัวอย่าง: อาหารเสริมธาตุเหล็ก, ตับ, เครื่องในสัตว์

    คำแนะนำเพิ่มเติม

    • ดื่มน้ำให้เพียงพอ: การดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวันช่วยให้อุจจาระนิ่มและขับถ่ายง่ายขึ้น
    • เพิ่มการบริโภคไฟเบอร์: รับประทานผัก, ผลไม้, และธัญพืชไม่ขัดสีเพื่อเพิ่มปริมาณไฟเบอร์ในอาหาร
    • ออกกำลังกายเป็นประจำ: การเคลื่อนไหวร่างกายช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้
    • ปรึกษาแพทย์: หากมีอาการท้องผูกเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม

    การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคและดำเนินชีวิตสามารถช่วยป้องกันและบรรเทาอาการท้องผูกได้ การดูแลสุขภาพระบบขับถ่ายเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาสุขภาพโดยรวม

    คุณแม่คิมแซรน

    คุณแม่ของ “คิมแซรน” วัย 48 ปี ออร่าความงามเหนือวัย จนชาวเน็ตต้องทึ่ง!

    คุณแม่ของ คิมแซรน กลายเป็นกระแสบนโลกออนไลน์ หลังภาพของเธอถูกเผยแพร่ ทำให้ชาวเน็ตต้องตกตะลึงในความอ่อนเยาว์ ด้วยผิวพรรณเรียบเนียน ดูสดใสราวกับเป็นพี่สาวของลูกสาวนักแสดงเด็กชื่อดัง

    แม้ข้อมูลส่วนตัวของเธอจะยังไม่ถูกเปิดเผยมากนัก แต่สิ่งที่ทำให้หลายคนสนใจไม่ใช่แค่ความงามเหนือวัย แต่รวมถึง เส้นทางชีวิต ที่เต็มไปด้วยความเข้มแข็ง คุณแม่ของคิมแซรนเคยเป็นนักศึกษาจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยยอนเซ แต่ชีวิตพลิกผันเมื่อเธอต้องกลายเป็น คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว หลังการหย่าร้าง ชีวิตเต็มไปด้วยอุปสรรค เธอต้องเลี้ยงดูลูกทั้ง 3 คนเพียงลำพัง และเคยผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากจนแทบหมดหวัง

    อย่างไรก็ตาม เธอไม่ยอมแพ้และเลือกผลักดัน คิมแซรน ให้เข้าสู่วงการบันเทิงตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ความสามารถของลูกสาวทำให้ครอบครัวสามารถพลิกชีวิตจากความลำบาก จนมีความมั่นคงทางการเงินมากขึ้น

    เรื่องราวของคุณแม่ของคิมแซรนเป็นแรงบันดาลใจให้หลายคนเห็นว่า ความงามที่แท้จริง ไม่ได้มาจากรูปลักษณ์ภายนอกเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากหัวใจที่แข็งแกร่ง และความมุ่งมั่นในการสู้ชีวิต

    ฝันเห็นพญานาค หมายถึงอะไร พร้อมคำทำนายฝันตามหลักโหราศาสตร์

    ฝันเห็นพญานาค หมายถึงอะไร พร้อมคำทำนายฝันตามหลักโหราศาสตร์

    ฝันเห็นพญานาค ถือเป็นความฝันที่มีความหมายพิเศษในทางโหราศาสตร์และความเชื่อของชาวไทย โดยเฉพาะในสายศาสนาพุทธและฮินดูที่เชื่อว่าพญานาคเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจ บารมี และโชคลาภ การฝันเห็นพญานาคจึงมักเกี่ยวข้องกับความสำเร็จ การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น และการได้รับพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์

    ความหมายของการฝันเห็นพญานาค

    1. ด้านโชคลาภและการเงิน
      การฝันเห็นพญานาคมักเป็นสัญญาณของโชคลาภที่กำลังจะมาถึง อาจได้รับเงินก้อนใหญ่ ได้เลื่อนตำแหน่ง หรือพบโอกาสในการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง หากฝันเห็นพญานาคเลื้อยเข้ามาหา ทำนายว่าโชคดีด้านการเสี่ยงโชคกำลังมาถึง
    2. ด้านอำนาจและบารมี
      พญานาคเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจและวาสนา การฝันเห็นพญานาคอาจหมายถึงการได้รับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ มีคนเมตตา หรือได้รับโอกาสที่ช่วยให้ชีวิตก้าวหน้า โดยเฉพาะหากฝันว่าพญานาคแสดงท่าทีนอบน้อมหรือปกป้อง
    3. ด้านความเชื่อและจิตวิญญาณ
      หากเป็นคนที่มีความศรัทธาในพญานาคหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ฝันเห็นพญานาคอาจเป็นสัญญาณของการได้รับพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อาจมีเหตุการณ์บางอย่างที่นำพาไปสู่เส้นทางแห่งธรรมะ เช่น การบวช การทำบุญ หรือการค้นพบทางจิตวิญญาณที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

    ฝันเห็นพญานาค รูปแบบต่าง ๆ

    • ฝันเห็นพญานาคสีเขียว – หมายถึงความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต อาจได้รับโชคลาภหรือได้รับความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่
    • ฝันเห็นพญานาคสีทอง – เป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง โชคลาภมหาศาล และการประสบความสำเร็จในธุรกิจ
    • ฝันว่าพญานาคเลื้อยเข้าบ้าน – ทำนายว่าโชคลาภกำลังมาหา ครอบครัวจะอยู่เย็นเป็นสุข มีข่าวดีจากญาติสนิท
    • ฝันว่าได้กราบไหว้พญานาค – หมายถึงได้รับพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อาจมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น เช่น การได้งานใหม่ ได้เลื่อนตำแหน่ง
    • ฝันเห็นพญานาคพ่นน้ำ – เป็นสัญญาณของการได้รับโชคแบบไม่คาดคิด หรือได้รับข่าวดีที่ทำให้ชีวิตพลิกผันในทางที่ดี

    แนวทางเสริมดวง

    หากฝันเห็นพญานาคและต้องการเสริมสิริมงคล แนะนำให้ทำบุญเกี่ยวกับน้ำ เช่น บริจาคน้ำสะอาดให้วัด ปล่อยปลา หรือสวดมนต์บูชาพญานาค เช่น บทสวดบูชาพญานาค 9 ตระกูล เพื่อเสริมโชคลาภและความมั่นคงในชีวิต

    เลขเด็ดจากฝันเห็นพญานาค

    เลขมงคล: 5, 6, 9
    เลขเสี่ยงโชค: 56, 59, 569, 665, 966

    ฝันเห็นพญานาค ถือเป็นฝันที่ดีและมีความหมายเป็นมงคลในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นโชคลาภ อำนาจบารมี หรือความสำเร็จในชีวิต หากได้รับความฝันเช่นนี้ ควรใช้โอกาสนี้ในการตั้งเป้าหมายใหม่ และเดินหน้าสู่ความสำเร็จอย่างมั่นคง


    เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

    ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

    คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

    ยอมรับทั้งหมด
    จัดการความเป็นส่วนตัว
    • เปิดใช้งานตลอด

    บันทึกการตั้งค่า