ข่าวสารวันนี้

ส่องข่าวสาร แวดวงการเมือง อัปเดตรายวัน

    อาหารมื้อเล็กๆ บ่อยๆ ดีจริงหรือ? เผยความจริงเกี่ยวกับการเผาผลาญและระดับน้ำตาลในเลือด

    อาหารมื้อเล็กๆ บ่อยๆ ดีจริงหรือ? เผยความจริงเกี่ยวกับการเผาผลาญและระดับน้ำตาลในเลือด

    อาหารมื้อเล็กๆ บ่อยๆ ดีจริงหรือ? เผยความจริงเกี่ยวกับการเผาผลาญและระดับน้ำตาลในเลือด

    ความถี่ของมื้ออาหาร: ควรกินวันละกี่มื้อจึงจะดีที่สุด?

    มีข้อมูลที่หลากหลายเกี่ยวกับจำนวนมื้ออาหารที่ “เหมาะสมที่สุด” ผู้เชี่ยวชาญบางคนแนะนำให้กินอาหารเช้าเพื่อกระตุ้นการเผาผลาญ และแบ่งอาหารออกเป็น 5-6 มื้อต่อวันเพื่อรักษาการเผาผลาญให้คงที่ อย่างไรก็ตาม งานวิจัยที่ผ่านมายังให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน และยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าการกินอาหารบ่อยขึ้นช่วยลดน้ำหนักได้จริงหรือไม่

    บทความนี้จะพาคุณสำรวจว่าควรกินอาหารกี่มื้อต่อวัน พร้อมวิเคราะห์ผลกระทบด้านสุขภาพที่เกี่ยวข้อง

    การกินอาหารบ่อยขึ้นช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญหรือไม่?

    อัตราการเผาผลาญคือปริมาณแคลอรี่ที่ร่างกายใช้ไปในแต่ละวัน มีความเชื่อว่าการกินอาหารมื้อเล็กๆ บ่อยครั้งจะช่วยเร่งการเผาผลาญ แต่ในความเป็นจริง นี่เป็นเพียงความเข้าใจผิด

    แม้ว่าการย่อยอาหารจะช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญได้เล็กน้อย ซึ่งเรียกว่า Thermic Effect of Food (TEF) หรือ “ผลกระทบทางความร้อนของอาหาร” แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ ปริมาณอาหารรวมที่รับประทานในแต่ละวัน ไม่ใช่จำนวนมื้อ

    ตัวอย่างเช่น

    • หากกิน 3 มื้อต่อวัน มื้อละ 800 แคลอรี่
    • หรือกิน 6 มื้อต่อวัน มื้อละ 400 แคลอรี่

    ปริมาณพลังงานที่ใช้ในการย่อยอาหารก็จะเท่ากัน ไม่ได้มีผลต่อการเผาผลาญแต่อย่างใด งานวิจัยหลายฉบับสรุปว่า ไม่มีหลักฐานว่าการแบ่งมื้ออาหารเพิ่มขึ้นช่วยเร่งการเผาผลาญหรือทำให้เผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น

    การกินอาหารบ่อยขึ้นช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและลดความหิวได้หรือไม่?

    บางคนเชื่อว่าการกินบ่อยๆ จะช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ และลดความอยากอาหาร แต่การศึกษากลับพบว่า การกินอาหารมื้อใหญ่แต่น้อยมื้ออาจดีกว่า

    • คนที่กินมื้อใหญ่น้อยมื้อมีระดับน้ำตาลเฉลี่ยต่ำกว่า แม้จะมีการพุ่งขึ้นของน้ำตาลเป็นช่วงๆ แต่โดยรวมยังต่ำกว่าผู้ที่กินมื้อย่อยบ่อยๆ
    • การกินมื้อใหญ่แต่น้อยมื้อช่วยเพิ่มความอิ่ม ลดความหิวได้ดีกว่าการกินบ่อยๆ

    นอกจากนี้ งานวิจัยยังระบุว่า การกินอาหารเช้าอาจช่วยปรับสมดุลระดับน้ำตาลในเลือดได้ การกินมื้อหนักในช่วงเช้าอาจช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดโดยรวมของวันลดลง

    ควรกินอาหารเช้าหรือไม่?

    “อาหารเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุดของวัน” จริงหรือ?

    หลายคนเชื่อว่าอาหารเช้าจำเป็นต่อการกระตุ้นการเผาผลาญและช่วยลดน้ำหนัก งานวิจัยเชิงสังเกตพบว่าผู้ที่งดอาหารเช้ามักมีแนวโน้มเป็นโรคอ้วนมากกว่า แต่ไม่ได้หมายความว่าอาหารเช้าเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยลดน้ำหนัก

    สาเหตุอาจเป็นเพราะคนที่กินอาหารเช้าส่วนใหญ่มักมีพฤติกรรมที่ดีต่อสุขภาพโดยรวม เช่น เลือกอาหารที่มีประโยชน์มากกว่า ในขณะที่คนที่งดอาหารเช้าอาจมีแนวโน้มเลือกอาหารที่มีแคลอรี่สูงในมื้อต่อไป

    อย่างไรก็ตาม ไม่มีหลักฐานว่าการกินอาหารเช้าช่วยกระตุ้นการเผาผลาญ หรือช่วยลดน้ำหนักได้โดยตรง

    สำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานหรือมีปัญหาระดับน้ำตาลในเลือด อาหารเช้าอาจช่วยควบคุมระดับน้ำตาลได้ดีขึ้น การศึกษาพบว่าการงดอาหารเช้าทำให้ระดับน้ำตาลพุ่งสูงขึ้นหลังจากกินมื้อกลางวันและมื้อเย็น

    การอดอาหารเป็นช่วงๆ ดีต่อสุขภาพหรือไม่?

    Intermittent Fasting (IF) หรือการอดอาหารเป็นช่วงๆ กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น โดยอาจเป็นการงดอาหารบางมื้อ หรืออดอาหารยาวนาน 24 ชั่วโมงเป็นครั้งคราว

    แม้บางคนจะกังวลว่าอาจทำให้ร่างกายเข้าสู่ “โหมดอดอยาก” และสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ แต่งานวิจัยพบว่า การอดอาหารช่วงสั้นอาจช่วยเพิ่มการเผาผลาญในระยะเริ่มต้น ก่อนที่การเผาผลาญจะลดลงเมื่ออดอาหารเป็นเวลานาน

    https://googleads.g.doubleclick.net/pagead/ads?gdpr=0&client=ca-pub-7805754432663340&output=html&h=280&adk=3019572609&adf=3980772412&pi=t.aa~a.858031026~i.26~rp.4&w=960&abgtt=9&fwrn=4&fwrnh=100&lmt=1740470379&num_ads=1&rafmt=1&armr=3&sem=mc&pwprc=1424552520&ad_type=text_image&format=960×280&url=https%3A%2F%2Ftaryeeblogger.blogspot.com%2F2025%2F02%2Fblog-post_24.html&host=ca-host-pub-1556223355139109&fwr=0&pra=3&rh=200&rw=960&rpe=1&resp_fmts=3&wgl=1&fa=27&uach=WyJXaW5kb3dzIiwiMTUuMC4wIiwieDg2IiwiIiwiMTMxLjAuNjc3OC4yNjUiLG51bGwsMCxudWxsLCI2NCIsW1siR29vZ2xlIENocm9tZSIsIjEzMS4wLjY3NzguMjY1Il0sWyJDaHJvbWl1bSIsIjEzMS4wLjY3NzguMjY1Il0sWyJOb3RfQSBCcmFuZCIsIjI0LjAuMC4wIl1dLDBd&dt=1740470427731&bpp=2&bdt=4478&idt=2&shv=r20250220&mjsv=m202502200101&ptt=9&saldr=aa&abxe=1&cookie=ID%3Da33fdf45aef7f962%3AT%3D1726473877%3ART%3D1740470426%3AS%3DALNI_MZPjHA5MNTNdmakeIiVR7v32wIFBQ&gpic=UID%3D00000f0b62bed474%3AT%3D1726473877%3ART%3D1740470426%3AS%3DALNI_MYinWxkikitY7B3yqYOQQpXw6Bjnw&eoidce=1&prev_fmts=0x0%2C1519x695%2C960x280&nras=4&correlator=4984707170277&frm=20&pv=1&u_tz=420&u_his=2&u_h=864&u_w=1536&u_ah=816&u_aw=1536&u_cd=24&u_sd=1.25&dmc=8&adx=107&ady=2266&biw=1519&bih=695&scr_x=0&scr_y=0&eid=95344789%2C95353420%2C95347433%2C95348348%2C95350016&oid=2&pvsid=3163947166122666&tmod=1202998381&uas=0&nvt=1&fc=384&brdim=0%2C0%2C0%2C0%2C1536%2C0%2C0%2C0%2C1536%2C695&vis=1&rsz=%7C%7Cs%7C&abl=NS&cms=1&fu=128&bc=31&bz=0&td=1&tdf=2&psd=W251bGwsbnVsbCxudWxsLDNd&nt=1&ifi=4&uci=a!4&btvi=2&fsb=1&dtd=36218

    งานวิจัยในมนุษย์และสัตว์ยังพบว่า การอดอาหารเป็นช่วงๆ มีประโยชน์หลายด้าน เช่น
    ✅ เพิ่มความไวต่ออินซูลิน
    ✅ ลดระดับน้ำตาลและอินซูลินในเลือด
    ✅ กระตุ้นกระบวนการออโตฟาจี (Autophagy) ซึ่งช่วยกำจัดของเสียระดับเซลล์และอาจชะลอความชรา

    สรุป

    ✅ การกินอาหารบ่อยขึ้นไม่ได้ช่วยให้เผาผลาญดีขึ้น และไม่ได้ช่วยให้ลดน้ำหนักได้
    ✅ การกินน้อยมื้ออาจดีกว่า ในแง่ของการควบคุมระดับน้ำตาลและลดความหิว
    ✅ อาหารเช้าอาจมีประโยชน์สำหรับบางคน โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาระดับน้ำตาลในเลือด แต่ไม่จำเป็นสำหรับทุกคน
    ✅ การอดอาหารเป็นช่วงๆ อาจช่วยปรับปรุงสุขภาพได้ แต่ควรทำอย่างเหมาะสม

    สุดท้ายแล้ว คำแนะนำที่ดีที่สุดเกี่ยวกับมื้ออาหารคือ ฟังร่างกายของตัวเอง
    🥗 เมื่อหิว ให้กิน
    🚫 เมื่ออิ่ม ให้หยุด

    ออกกำลังกายแบบไหน ลดน้ำหนักได้เร็วที่สุด? เปรียบเทียบ 10 วิธีที่ได้ผลจริง

    ออกกำลังกายแบบไหน ลดน้ำหนักได้เร็วที่สุด? เปรียบเทียบ 10 วิธีที่ได้ผลจริง


    10 วิธีออกกำลังกายลดน้ำหนัก ที่ช่วยให้หุ่นเฟิร์มเร็วที่สุด

    การออกกำลังกายเป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการลดน้ำหนักและกระชับสัดส่วน แต่คำถามคือ วิธีไหนช่วยให้เห็นผลเร็วที่สุด? หากคุณต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนและรวดเร็ว เราได้รวบรวม 10 วิธีออกกำลังกายที่ช่วยเผาผลาญแคลอรีได้ดีเยี่ยม มาให้คุณเลือกวิธีที่เหมาะกับตัวเองที่สุด

    1. การวิ่ง (Running)

    การวิ่งเป็นวิธีที่ง่ายและได้ผลเร็วในการเผาผลาญแคลอรี เพียงแค่วิ่งต่อเนื่อง 30-45 นาที สามารถเผาผลาญแคลอรีได้มากถึง 300-500 แคลอรี ต่อครั้ง อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับหัวใจและปอด

    2. การกระโดดเชือก (Jump Rope)

    การกระโดดเชือกเป็นคาร์ดิโอที่เข้มข้นสูง สามารถช่วยเผาผลาญไขมันและลดน้ำหนักได้เร็ว การกระโดดเชือกเพียง 30 นาที สามารถเผาผลาญได้มากถึง 400-500 แคลอรี ต่อครั้ง

    3. การปั่นจักรยาน (Cycling)

    การปั่นจักรยานช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงาน โดยการปั่นด้วยความเร็วปานกลางเป็นเวลา 45 นาที สามารถเผาผลาญได้ถึง 400-600 แคลอรี และสามารถเลือกปั่นได้ทั้งกลางแจ้งหรือในฟิตเนส

    4. การฝึก HIIT (High-Intensity Interval Training)

    HIIT คือการออกกำลังกายแบบหนักสลับเบา ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยเผาผลาญแคลอรีได้ดีที่สุด แม้จะจบการออกกำลังกายไปแล้ว ร่างกายยังคงเผาผลาญพลังงานต่อเนื่อง

    5. การยกน้ำหนัก (Weight Lifting)

    การยกน้ำหนักช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ แม้ว่าจะเผาผลาญแคลอรีไม่เท่าคาร์ดิโอ แต่กล้ามเนื้อที่มากขึ้นจะช่วยให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้ตลอดทั้งวัน

    6. การเดินเร็ว (Brisk Walking)

    เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการออกกำลังกายที่หนักเกินไป การเดินเร็ว 30-60 นาที สามารถเผาผลาญได้ถึง 200-300 แคลอรี และช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญ

    7. การว่ายน้ำ (Swimming)

    ว่ายน้ำช่วยเผาผลาญไขมันและเสริมสร้างกล้ามเนื้อไปพร้อมกัน การว่ายน้ำ 30 นาที สามารถเผาผลาญได้ถึง 400-500 แคลอรี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับท่าว่ายที่ใช้

    8. การปั่นจักรยานที่บ้าน (Stationary Bike)

    เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการออกกำลังกายในบ้าน สามารถปรับระดับความเข้มข้นได้ โดยสามารถเผาผลาญแคลอรีได้มากถึง 400-600 แคลอรีต่อชั่วโมง

    9. การออกกำลังกายแบบเต้น (Dancing)

    การเต้น เช่น ซุมบ้า หรือแอโรบิก เป็นวิธีที่สนุกและช่วยเผาผลาญพลังงานได้ดีมาก สามารถเผาผลาญแคลอรีได้ใกล้เคียงกับการออกกำลังกายคาร์ดิโออื่น ๆ

    10. การฝึกโยคะ (Yoga)

    แม้ว่าจะไม่ได้เผาผลาญแคลอรีสูงเหมือนคาร์ดิโอ แต่โยคะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น คลายความเครียด และช่วยควบคุมน้ำหนักในระยะยาว

    สรุป

    หากคุณต้องการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว การฝึก HIIT, การวิ่ง หรือการกระโดดเชือก คือวิธีที่ดีที่สุด แต่ถ้าชอบออกกำลังกายแบบชิล ๆ การเดินเร็วหรือโยคะ ก็เป็นทางเลือกที่ดี ทั้งนี้ การเลือกออกกำลังกายให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์และความฟิตของร่างกายจะช่วยให้เห็นผลได้ดีที่สุด 🎯💪

    ครีมกันแดดแบบไหนดีที่สุด? เจาะลึก 5 ประเภทครีมกันแดดที่คุณควรรู้ก่อนซื้อ


    ครีมกันแดด
     ไอเทมสำคัญที่ขาดไม่ได้! รู้จัก 5 ประเภทก่อนเลือกซื้อให้เหมาะกับผิวคุณ

    ครีมกันแดดกลายเป็นปัจจัยที่ 5 ของชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะสาว ๆ ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลผิว ไม่ว่าจะออกไปทำงาน เรียน หรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง การเลือกครีมกันแดดที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ปัจจุบันมีครีมกันแดดหลากหลายประเภท เพื่อตอบโจทย์ปัญหาผิวที่แตกต่างกัน เราจึงขอแนะนำ 5 ประเภทของครีมกันแดด ที่คุณควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ

    1. ครีมกันแดดแบบดูดซับ

    ครีมกันแดดประเภทนี้มีคุณสมบัติในการดูดซับรังสีอินฟราเรดและรังสี UV เข้าสู่เนื้อครีม แทนที่จะปล่อยให้รังสีทำร้ายผิวโดยตรง ถือเป็นเกราะป้องกันผิวชั้นดี เหมาะสำหรับคนที่ต้องเผชิญกับแสงแดดแรง ๆ เป็นเวลานาน

    2. ครีมกันแดดแบบเคลือบผิว

    เรียกอีกชื่อว่า “ฟิล์มฟอร์เมอร์” ครีมกันแดดชนิดนี้ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันผิวจากรังสี UV และมลภาวะต่าง ๆ เช่น ฝุ่นละอองหรือเชื้อโรค โดยสารเคลือบนี้สามารถป้องกันการเกาะติดของสิ่งสกปรก ทำให้ทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น ลดโอกาสการอุดตันรูขุมขน

    3. ครีมกันแดดป้องกันอนุมูลอิสระ

    กันแดดประเภทนี้ไม่ได้มีดีแค่ป้องกันแดดเท่านั้น แต่ยังช่วยบำรุงผิวด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี วิตามินอี และสารสกัดจากธรรมชาติ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ดูอ่อนเยาว์ขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการบำรุงควบคู่ไปกับการปกป้องผิว

    4. ครีมกันแดดแบบสร้างเกราะป้องกันผิว

    เหมาะสำหรับคนที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีมลภาวะสูง กันแดดประเภทนี้ช่วยเสริมความแข็งแรงให้ผิว ป้องกันการระคายเคืองจากแสงแดด ฝุ่น PM 2.5 และลดความเสี่ยงในการเกิดผิวแห้งกร้าน

    5. ครีมกันแดดสำหรับทุกสภาพผิว

    ครีมกันแดดรุ่นใหม่ได้รับการพัฒนาให้สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้ง ผิวมัน หรือผิวแพ้ง่าย มักมีเนื้อสัมผัสที่เบาสบาย เช่น แบบเจล แบบเอสเซ้นส์ หรือเนื้อครีมที่แตกตัวเป็นน้ำ ลดความมันส่วนเกิน และให้ความรู้สึกสบายผิว

    เลือกครีมกันแดดให้เหมาะสม เพื่อผิวสวยกระจ่างใส

    การเลือกครีมกันแดดที่ดี ไม่เพียงแต่ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด แต่ยังช่วยลดปัญหาผิวต่าง ๆ ได้อีกด้วย อย่าลืมพิจารณาคุณสมบัติของครีมกันแดดให้เหมาะกับสภาพผิวและไลฟ์สไตล์ของคุณ เพื่อให้การปกป้องผิวมีประสิทธิภาพสูงสุด

    สรุปผลบอลเมื่อคืน

    สรุปผลบอลเมื่อคืน 5 ลีกใหญ่ยุโรป: บิ๊กแมตช์สุดมันส์และผลการแข่งขันที่น่าตื่นเต้น

    สรุปผลบอลเมื่อคืนวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 แฟนบอลทั่วโลกได้ชมเกมการแข่งขันที่ดุเดือดและน่าตื่นเต้นจาก 5 ลีกใหญ่ยุโรป ไม่ว่าจะเป็นพรีเมียร์ลีก อังกฤษ, ลาลีกา สเปน, บุนเดสลีกา เยอรมนี, เซเรีย อา อิตาลี และลีกเอิง ฝรั่งเศส โดยมีผลการแข่งขันที่น่าสนใจดังนี้:

    สรุปผลบอลเมื่อคืน ทุกลีก ทุกแมชต์

    พรีเมียร์ลีก อังกฤษ:

    • นิวคาสเซิ่ล เฉือนชนะ ฟอเรสต์ ไปด้วยสกอร์ 4-3 ในเกมที่เต็มไปด้วยความมันส์
    • ลิเวอร์พูล บุกไปเอาชนะ แมนฯ ซิตี้ ถึงถิ่น 2-0 สร้างความประหลาดใจให้กับแฟนบอล

    ลาลีกา สเปน:

    • แอธเลติก บิลเบา ถล่ม บายาโดลิด ไปอย่างขาดลอย 7-1
    • เรอัล มาดริด เอาชนะ คิโรน่า 2-0
    • เรอัล เบติส เฉือนชนะ เคตาเฟ่ 2-1
    • เรอัล โซเซียดาด ชนะ เลกานเญส 3-0

    บุนเดสลีกา เยอรมนี:

    • ไลป์ซิก เสมอกับ ไฮเดนไฮม์ ไปด้วยสกอร์ 2-2
    • บาเยิร์น มิวนิค โชว์ฟอร์มโหด ถล่ม แฟร้งค์เฟิร์ต 4-0
    • ฮอฟเฟ่นไฮม์ เสมอกับ สตุ๊ตการ์ท 1-1

    เซเรีย อา อิตาลี:

    • โคโม่ พลิกล็อกเอาชนะ นาโปลี 2-1
    • เวโรน่า เฉือนชนะ ฟิออเรนติน่า 1-0
    • อตาลันต้า บุกไปถล่ม เอ็มโปลี 5-0
    • ยูเวนตุส เฉือนชนะ กายารี่ 1-0

    ลีกเอิง ฝรั่งเศส:

    • น็องต์ส ชนะ ล็องส์ 3-1
    • นีซ ชนะ มงต์เปลลิเยร์ 2-0
    • สตราส์บูร์ก เสมอกับ เบรสต์ 0-0
    • ตูลูส บุกไปชนะ เลอ อาร์ฟ 4-1
    • เปแอสเช บุกไปชนะ ลียง 3-2

    นอกจากนี้ ยังมีการแข่งขันไทยลีกที่น่าสนใจอีก 3 คู่ ได้แก่ แบงค็อก ยูไนเต็ด ชนะ หนองบัว พิชญ 1-0, บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด บุกไปชนะ เมืองทอง ยูไนเต็ด 3-1 และลำพูน วอร์ริเออร์ ชนะ เชียงราย ยูไนเต็ด 1-0

    น้องมายูอายุ 10 ขวบแล้ว! เมย์ เฟื่องอารมย์ พาเปลี่ยนลุคใหม่ แฟนคลับชมรัวๆ


    ทรงผมลูกดารา
     น้องมายูโตเป็นสาวขึ้นทุกวัน! ลูกสาวสุดที่รักของ เมย์ เฟื่องอารมย์ และ หนุ่ม กรรชัย ตอนนี้อายุครบ 10 ขวบเต็มแล้ว ล่าสุด เมย์ เฟื่องอารมย์ ได้เผยคลิปขณะพา น้องมายู ไปตัดผมปรับลุคใหม่ พร้อมแคปชั่นว่า “มายูอยากตัดผมเปลี่ยนลุคค่ะ #mayukamnerdploy”

    งานนี้แฟนๆ แห่เข้ามาคอมเมนต์กันรัวๆ เพราะ น้องมายู ดูสวยออร่าสุดๆ จนหลายคนอดแซวไม่ได้ว่า พ่อหนุ่มคงต้องเตรียมไว้หนวดเพิ่มความเข้มซะแล้ว!

    • “แจ้งพ่อหนุ่มด่วน! เตรียมไว้หนวดแทนผมยาวเลยค่า”
    • “น่ารักมากกกก”
    • “ยิ้มเหมือนพ่อ แต่สวยเหมือนแม่เป๊ะ!”
    • “พี่หนุ่มผมยาวชัดๆ”
    • “โอ๊ยย น้องมายูสวยมากกก”
    เคล็ดลับเพิ่มสมาธิระหว่างวัน 9 วิธีง่าย ๆ ที่ช่วยให้จิตใจสงบและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    เคล็ดลับเพิ่มสมาธิระหว่างวัน 9 วิธีง่าย ๆ ที่ช่วยให้จิตใจสงบและมีประสิทธิภาพมากขึ้น


    บทบาทที่หลากหลาย ทั้งการทำงาน ดูแลครอบครัว และดูแลตัวเอง หากคุณรู้สึกว่าจิตใจว้าวุ่น ขาดสมาธิระหว่างวัน ลองนำ 9 เทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้ เพื่อช่วยให้จิตใจสงบและพัฒนาคุณภาพชีวิตได้ดียิ่งขึ้น

    1. เริ่มต้นวันด้วยการหายใจลึก ๆ

    เมื่อตื่นนอน ลองใช้เวลาสัก 5 นาที หายใจเข้า-ออกลึก ๆ อย่างมีสติ วิธีนี้ช่วยปรับสมดุลของร่างกายและจิตใจ ทำให้เริ่มต้นวันใหม่ด้วยความสงบ และพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์

    2. โฟกัสงานทีละอย่าง

    แม้ว่าการทำหลายอย่างพร้อมกัน (Multitasking) จะดูมีประสิทธิภาพ แต่จริง ๆ แล้วอาจทำให้จิตใจฟุ้งซ่านได้ง่าย ลองจัดลำดับความสำคัญ และตั้งใจทำทีละงานจนเสร็จ จะช่วยให้คุณจดจ่อและทำงานได้มีคุณภาพมากขึ้น

    3. หามุมสงบในที่ทำงาน

    หากรู้สึกเครียดหรือจิตใจไม่สงบ ลองหามุมเงียบ ๆ ในที่ทำงาน นั่งพักหลับตาสัก 2-3 นาที แล้วปล่อยใจให้ว่าง วิธีนี้ช่วยคืนสมดุลให้จิตใจได้อย่างรวดเร็ว ทำให้กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    4. เขียนบันทึกช่วยจัดระเบียบความคิด

    การเขียนบันทึกประจำวันช่วยสะท้อนความคิดและจัดการอารมณ์ได้ดี ลองจดบันทึกสิ่งที่รู้สึก รวมถึงเรื่องดี ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน วิธีนี้ช่วยให้คุณเห็นคุณค่าของสิ่งรอบตัวและลดความฟุ้งซ่านได้

    5. ฟังเสียงธรรมชาติหรือเพลงบำบัด

    เปิดเสียงน้ำไหล เสียงนกร้อง หรือเพลงบำบัดระหว่างทำงานหรือพัก จะช่วยสร้างบรรยากาศสงบ ลดความตึงเครียด และทำให้มีสมาธิกับสิ่งที่ทำอยู่มากขึ้น

    6. พักจากเทคโนโลยี

    การเลื่อนโซเชียลมีเดียตลอดเวลาทำให้จิตใจว้าวุ่น ลองกำหนดเวลา “Digital Detox” เช่น ปิดมือถือหรือคอมพิวเตอร์ช่วงพักกลางวัน แล้วใช้เวลาทำกิจกรรมที่ช่วยให้จิตใจสงบแทน

    7. ฝึกจดจ่อกับประสาทสัมผัส

    เมื่อจิตใจเริ่มลอย ลองกลับมาโฟกัสกับสิ่งที่คุณกำลังสัมผัส เช่น ความรู้สึกจากแก้วกาแฟในมือ กลิ่นอากาศ หรือเสียงรอบตัว วิธีนี้ช่วยดึงสติกลับมาให้อยู่กับปัจจุบันได้ดีขึ้น

    8. ใช้เทคนิค Pomodoro

    เทคนิคนี้ช่วยให้สมองไม่เหนื่อยล้า โดยการทำงานเป็นรอบ ๆ เช่น ทำงาน 25 นาที แล้วพัก 5 นาที ในช่วงพักสามารถลุกเดินหรือหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อเพิ่มสมาธิและความสดชื่นได้

    9. ฝึกโยคะหรือสมาธิสั้น ๆ ระหว่างวัน

    แม้จะมีเวลาเพียง 5-10 นาที ลองทำโยคะเบา ๆ หรือนั่งสมาธิสั้น ๆ เพื่อช่วยให้ร่างกายและจิตใจสดชื่นขึ้น พร้อมรับมือกับความท้าทายที่ต้องเจอ

    การฝึกสมาธิไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานหรือยุ่งยาก เทคนิคเหล่านี้สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ และเมื่อมีสติที่มั่นคง คุณจะสามารถรับมือกับปัญหาต่าง ๆ ได้ดีขึ้นอย่างแน่นอน

    อาหารลดสิว

    อาหารลดสิว: เคล็ดลับผิวสวยใสจากภายในสู่ภายนอก

    สิวเป็นปัญหาผิวที่กวนใจใครหลายๆ คน ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่ การดูแลผิวให้สวยใสไร้สิวจึงเป็นสิ่งที่ทุกคนให้ความสำคัญ นอกจากการดูแลผิวภายนอกแล้ว การเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมก็มีส่วนสำคัญในการลดสิวได้เช่นกัน วันนี้เราจะมาเปิดเผยเคล็ดลับอาหารลดสิว ที่จะช่วยให้คุณมีผิวสวยใสจากภายในสู่ภายนอก

    ทำไมอาหารถึงมีผลต่อสิว?

    อาหารที่เราทานเข้าไปมีผลต่อการทำงานของร่างกาย รวมถึงผิวพรรณของเราด้วย อาหารบางชนิดอาจกระตุ้นการสร้างน้ำมันบนใบหน้า ทำให้รูขุมขนอุดตันและเกิดสิวได้ ในขณะที่อาหารบางชนิดมีสารอาหารที่ช่วยลดการอักเสบและบำรุงผิว ทำให้สิวลดลงและผิวแข็งแรงขึ้น

    อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงหากเป็นสิว

    • อาหารที่มีน้ำตาลสูง: เช่น ขนมหวาน น้ำอัดลม อาหารแปรรูป อาหารเหล่านี้จะกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน ซึ่งส่งผลให้เกิดการอักเสบและสิว
    • อาหารที่มีไขมันสูง: เช่น อาหารทอด อาหารมัน อาหารเหล่านี้จะเพิ่มการผลิตน้ำมันบนใบหน้า ทำให้เกิดสิวง่ายขึ้น
    • ผลิตภัณฑ์จากนม: บางคนอาจมีอาการแพ้แลคโตสในนม ทำให้เกิดสิวได้
    • อาหารแปรรูป: เช่น ไส้กรอก แฮม อาหารเหล่านี้มักมีโซเดียมสูงและมีสารอาหารน้อย
    • อาหารที่แพ้: หากคุณมีอาการแพ้อาหารชนิดใด ควรหลีกเลี่ยงอาหารชนิดนั้น

    อาหารที่ช่วยลดสิว

    • ผักและผลไม้: ผักและผลไม้อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยบำรุงผิวและลดการอักเสบ ควรเลือกผักและผลไม้ที่มีสีสันสดใส เช่น แครอท ฟักทอง มะเขือเทศ บรอกโคลี ผักโขม ส้ม ฝรั่ง
    • ธัญพืชไม่ขัดสี: เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ควินัว ธัญพืชเหล่านี้มีไฟเบอร์สูง ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและลดการอักเสบ
    • ปลาที่มีไขมันดี: เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาแมคเคอเรล ปลามีไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งช่วยลดการอักเสบและบำรุงผิว
    • ถั่วและเมล็ดพืช: เช่น อัลมอนด์ วอลนัท เมล็ดเจีย เมล็ดแฟลกซ์ ถั่วและเมล็ดพืชเหล่านี้มีวิตามินอีและสังกะสี ซึ่งช่วยบำรุงผิวและลดการอักเสบ
    • โยเกิร์ตและนมเปรี้ยว: โยเกิร์ตและนมเปรี้ยวมีโปรไบโอติก ซึ่งช่วยเสริมสร้างจุลินทรีย์ดีในลำไส้ ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น

    เคล็ดลับเพิ่มเติม

    • ดื่มน้ำให้เพียงพอ: ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและขับของเสียออกจากร่างกาย
    • พักผ่อนให้เพียงพอ: ช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองและลดความเครียด
    • จัดการความเครียด: ความเครียดเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดสิวได้
    • ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง: หากมีปัญหาสิวเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม

    สรุป

    การเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมเป็นส่วนสำคัญในการดูแลผิวให้สวยใสไร้สิว ควรเน้นอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและหลีกเลี่ยงอาหารที่อาจกระตุ้นให้เกิดสิว นอกจากนี้ การดูแลสุขภาพโดยรวมให้ดี ก็จะช่วยให้ผิวของคุณสวยขึ้นจากภายในสู่ภายนอก

    แจกสูตรสเต็กหมูน้ำมันหอย เนื้อนุ่มซอสเด็ด เคล็ดลับความอร่อยที่ต้องลอง

    แจกสูตรสเต็กหมูน้ำมันหอย เนื้อนุ่มซอสเด็ด เคล็ดลับความอร่อยที่ต้องลอง

    วิธีทำสเต็กหมูน้ำมันหอย นุ่ม ฉ่ำ ซอสรสเด็ด

    วัตถุดิบ:

    • เนื้อหมูสันคอหรือสันนอก 200 กรัม
    • น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
    • ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
    • น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
    • กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
    • พริกไทยป่น ½ ช้อนชา
    • น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
    • เนยจืด 1 ช้อนโต๊ะ (สำหรับเพิ่มความหอม)
    • ผักเครื่องเคียง (เช่น แครอท บรอกโคลี มันฝรั่งอบ)

    วิธีทำ:

    1. หมักหมู: ผสมหมูเข้ากับน้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย กระเทียมสับ และพริกไทย คลุกให้เข้ากัน หมักไว้ในตู้เย็นอย่างน้อย 30 นาที หรือถ้ามีเวลาหมักข้ามคืนจะยิ่งนุ่มขึ้น
    2. เตรียมกระทะ: ตั้งกระทะให้ร้อน ใส่น้ำมันพืชลงไป แล้วนำหมูลงย่างโดยใช้ไฟกลาง
    3. ย่างให้สุกกำลังดี: กลับด้านเมื่อเริ่มมีสีสวย ทอดประมาณ 3-4 นาทีต่อด้าน (ขึ้นอยู่กับความหนาของเนื้อหมู)
    4. เพิ่มความฉ่ำ: ใส่เนยลงไปในกระทะ พร้อมตักเนยราดลงบนเนื้อหมูเพื่อเพิ่มความหอมและช่วยให้เนื้อฉ่ำมากขึ้น
    5. เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียง: นำหมูขึ้นจากกระทะ พักไว้ 2-3 นาทีให้เนื้อเซ็ตตัว แล้วจัดเสิร์ฟพร้อมผักลวกหรือมันฝรั่งอบ

    เคล็ดลับ:

    • ใช้เนื้อสันคอจะช่วยให้เนื้อหมูนุ่มและไม่แห้งเกินไป
    • สามารถใส่ซอสเพิ่มขณะย่างเพื่อให้รสชาติเข้มข้นขึ้น
    • เสิร์ฟคู่กับข้าวสวยหรือขนมปังก็อร่อยไม่แพ้กัน

    ลองทำดู แล้วคุณจะติดใจในความนุ่มฉ่ำของสเต็กหมูน้ำมันหอย! 🍽🔥

    เปิดประวัติ หลวงปู่อำคา ถาวโร พระเกจิผู้ทรงเมตตาแห่งวิเชียรบุรี

    เปิดประวัติ หลวงปู่อำคา ถาวโร พระเกจิผู้ทรงเมตตาแห่งวิเชียรบุรี

    เปิดประวัติ หลวงปู่อำคา ถาวโร

    ชีวประวัติของพระครูอดุลพัชราภรณ์
    พระครูอดุลพัชราภรณ์ หรือ หลวงปู่อำคา ถาวโร เดิมชื่อ อำคา หอมมาลา โยมบิดาชื่อ นายบาง โยมมารดาชื่อ นางไฝ ท่านเกิดเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2470 ตรงกับวันเสาร์ แรม 9 ค่ำ เดือน 7 ปีเถาะ ณ บ้านเลขที่ 97 หมู่ 8 ตำบลหนองพลวง อำเภอประทาย จังหวัดนครราชสีมา

    ท่านเข้าพิธีอุปสมบทเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2490 ณ วัดหันห้วยทราย ตำบลหันห้วยทราย อำเภอประทาย จังหวัดนครราชสีมา โดยมี พระครูวิโรจนคุณ เป็นพระอุปัชฌาย์ และได้รับฉายาว่า “ถาวโร”

    การศึกษาและเส้นทางธรรม

    หลังจากอุปสมบท หลวงปู่อำคาได้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมอย่างมุ่งมั่น จนสอบไล่ได้นักธรรมชั้น ตรี-โท-เอก ตามลำดับ ที่สำนักศาสนศึกษาวัดสวัสดี จังหวัดขอนแก่น ในปี พ.ศ. 2494

    ภายหลังการศึกษา ท่านได้เดินทางกลับมายังบ้านเกิด และในช่วงเวลานั้น วัดหนองค่าย ตำบลหนองค่าย อำเภอประทาย ไม่มีพระจำพรรษา ชาวบ้านจึงได้อาราธนาให้หลวงปู่เข้าจำพรรษา พร้อมกับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส อีกทั้งยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็น เจ้าคณะตำบล เขต 2 อำเภอประทาย

    ต่อมาในปี พ.ศ. 2502 หลวงปู่อำคาได้ออกธุดงค์ผ่านดงพญาเย็น มายัง อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ และจำพรรษาที่ วัดหนองสองห้อง (ปัจจุบันคือ วัดประชานิมิต) ซึ่งเป็นที่พำนักของท่านจนถึงปัจจุบัน

    ตำแหน่งสำคัญทางคณะสงฆ์

    • พ.ศ. 2507 : ได้รับแต่งตั้งเป็น เจ้าคณะตำบลท่าโรง อำเภอวิเชียรบุรี
    • พ.ศ. 2518 : ดำรงตำแหน่ง เจ้าอาวาสวัดประชานิมิต และได้รับการขนานนามจากชาวบ้านว่า “หลวงพ่อใหญ่”
    • พ.ศ. 2518 : ได้รับตำแหน่ง เจ้าคณะอำเภอวิเชียรบุรี
    • พ.ศ. 2550 : ได้รับแต่งตั้งเป็น ที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอวิเชียรบุรี
    • พ.ศ. 2564 : ได้รับแต่งตั้งเป็น ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์

    หลวงปู่อำคา ถาวโร กับพุทธคุณวัตถุมงคล

    หลวงปู่อำคาเป็นพระที่ชาวอำเภอวิเชียรบุรีให้ความเคารพศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง วัตถุมงคล ของท่านล้วนมีประสบการณ์ด้านอภินิหาร แคล้วคลาดจากภยันตราย และเป็นที่เลื่องลือด้าน เมตตามหานิยม โชคลาภ ค้าขายรุ่งเรือง เรียกได้ว่าพุทธคุณครอบจักรวาล

    ในปี พ.ศ. 2519 ขณะที่วัดประชานิมิตมีพิธีฝังลูกนิมิต หลวงพ่อผาง จิตตคุตโต พระเกจิสายปฏิบัติชื่อดัง ได้เดินทางมาอธิษฐานจิตปลุกเสก เหรียญรุ่นแรก ของหลวงปู่อำคา ทำให้วัตถุมงคลของท่านเป็นที่เคารพศรัทธาอย่างสูง

    มีเรื่องเล่ากันว่า ครั้งหนึ่งชาววิเชียรบุรีได้เดินทางไปกราบ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ณ วัดบ้านไร่ จังหวัดนครราชสีมา เมื่อหลวงพ่อคูณทราบว่าพวกเขามาจากวิเชียรบุรี ท่านจึงกล่าวว่า
    “มึงไปกราบหลวงพ่อใหญ่เถอะ ไม่ต้องมากราบกู ของดีอยู่ที่บ้านมึงนั่นแหละ”
    ซึ่งหมายถึงให้ไปกราบหลวงปู่อำคาแทน

    ละสังขารอย่างสงบ

    หลวงปู่อำคาเป็นพระที่มีเมตตาธรรมสูง ไม่ว่าศิษยานุศิษย์จะเดินทางมาไกลเพียงใด ท่านก็เปิดโอกาสให้เข้าพบและให้พรทุกคนเสมอ

    ต่อมา เมื่ออายุมากขึ้น ท่านมีอาการอ่อนเพลียและอาพาธ ศิษยานุศิษย์ได้นำเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลวิเชียรบุรี ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมกราคม พ.ศ. 2568 แต่เนื่องจากท่านมีอายุมากแล้ว จึงละสังขารอย่างสงบในวันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 เวลา 16.08 น.

    การจากไปของหลวงปู่อำคา สร้างความเศร้าโศกอาลัยแก่ศิษยานุศิษย์และชาวจังหวัดเพชรบูรณ์เป็นอย่างมาก ทว่า คุณงามความดี และพุทธคุณของท่านจะยังคงอยู่ในใจพุทธศาสนิกชนตลอดไป

    คลิกตรวจหวยและข่าวหวยได้ที่นี่

    เมนชิคอฟ

    แตกหักกลางวง! เมนชิคอฟ เปิดศึกเดือดกับ ONE เผยเหตุผลช็อกวงการ

    กลายเป็นประเด็นดราม่าร้อนแรงในวงการกีฬาต่อสู้ไปแล้ว สำหรับกรณีของ ดีมิทรี เมนชิคอฟ นักมวยชาวรัสเซีย ที่ประกาศแยกทางกับ ONE Championship อย่างเป็นทางการ หลังจากสร้างผลงานอันยอดเยี่ยมให้กับองค์กรมาโดยตลอด ล่าสุด นักสู้จอมโหดได้ออกมาเปิดเผยถึงเหตุผลเบื้องหลังการตัดสินใจครั้งสำคัญนี้ ซึ่งสร้างความฮือฮาให้กับแฟนกีฬาทั่วโลก

    เมนชิคอฟ เผยว่า ตนรู้สึกไม่พอใจกับการปฏิบัติของ ONE ที่ไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะเรื่องของสัญญาและโบนัสที่ได้รับ ซึ่งไม่สอดคล้องกับผลงานที่ทำได้ นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเรื่องการเซ็นเซอร์คลิปการแข่งขันและการปฏิเสธการให้สัมภาษณ์หลังการชก ซึ่งบ่งชี้ว่ามีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นภายในองค์กร

    “ผมชนะน็อกมาหลายไฟต์ แต่กลับไม่ได้รับโบนัสเลยแม้แต่ครั้งเดียว มันไม่ยุติธรรมเลย” เมนชิคอฟ กล่าวอย่างเปิดอก “ผมรู้สึกว่าถูกปฏิบัติไม่ดี และไม่ต้องการที่จะทำงานกับองค์กรที่ไม่ให้ความสำคัญกับนักกีฬา”

    การเปิดเผยครั้งนี้ของ เมนชิคอฟ ได้สร้างความไม่พอใจให้กับแฟน ๆ ของ ONE เป็นอย่างมาก และหลายคนต่างออกมาแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์การกระทำขององค์กร ขณะเดียวกัน ก็มีหลายคนที่ออกมาให้กำลังใจ เมนชิคอฟ และเชื่อว่าเขาจะประสบความสำเร็จในเส้นทางอาชีพต่อไป


    เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

    ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

    คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

    ยอมรับทั้งหมด
    จัดการความเป็นส่วนตัว
    • เปิดใช้งานตลอด

    บันทึกการตั้งค่า