ฝีดาษลิง เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่สามารถแพร่กระจายจากสัตว์สู่คน และจากคนสู่คนได้ โดยมีอาการคล้ายฝีดาษแต่รุนแรงน้อยกว่า อาการที่พบบ่อย ได้แก่ ไข้ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ต่อมน้ำเหลืองโต และผื่นขึ้นทั่วตัว ซึ่งผื่นเหล่านี้จะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปตามระยะเวลา
ทำไมต้องฉีดวัคซีนฝีดาษลิง?
- ป้องกันการติดเชื้อ: วัคซีนฝีดาษลิงสามารถช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรค หรือหากเกิดโรคขึ้น อาการจะไม่รุนแรงเท่าผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน
- ลดการแพร่ระบาด: การฉีดวัคซีนจะช่วยลดจำนวนผู้ป่วยลง ทำให้การควบคุมโรคเป็นไปได้ง่ายขึ้น
- กลุ่มเสี่ยง: ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ เช่น บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ที่สัมผัสกับผู้ป่วย หรือผู้ที่มีเพศสัมพันธ์หลายคน ควรได้รับวัคซีนเพื่อป้องกันตนเอง
วัคซีนฝีดาษลิงมีประสิทธิภาพแค่ไหน?
วัคซีนฝีดาษลิงมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคได้สูงถึง 85% ขึ้นไป อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพของวัคซีนอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น อายุของผู้รับวัคซีน สภาพร่างกาย และชนิดของวัคซีน
ผลข้างเคียงของวัคซีน
ผลข้างเคียงที่พบบ่อยหลังจากการฉีดวัคซีนฝีดาษลิง ได้แก่
- ปวดบริเวณที่ฉีด
- บวมแดง
- ไข้
- ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
- ปวดหัว
โดยทั่วไป ผลข้างเคียงเหล่านี้จะหายไปเองภายในไม่กี่วัน หากมีอาการผิดปกติควรปรึกษาแพทย์ทันที
ใครบ้างที่ควรได้รับวัคซีน?
- บุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานในห้องปฏิบัติการ หรือผู้ที่สัมผัสกับตัวอย่างเชื้อไวรัสฝีดาษลิง
- ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์หลายคน หรือผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับบุคคลที่มีความเสี่ยงสูง
- ผู้ที่เดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคฝีดาษลิง
- ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก
การป้องกันตนเองจากฝีดาษลิง
นอกจากการฉีดวัคซีนแล้ว ยังมีวิธีอื่นๆ ที่สามารถป้องกันการติดเชื้อฝีดาษลิงได้ เช่น
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์ป่า
- ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำสะอาด
- สวมใส่หน้ากากอนามัย
- ปฏิบัติตามมาตรการสุขอนามัยส่วนบุคคล
หากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับวัคซีนฝีดาษลิง ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ