ข่าวสารวันนี้

สัปดาห์ที่ผ่านมาแนวโน้มราคาทอง เคลื่อนไหวในกรอบ 2,293-2,339 ดอลลาร์ เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่ามากสุดในรอบ 2 เดือนกดดันราคาทองคำ ขณะที่ Core PCE เดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 2.6% ตามคาด ผลสำรวจดีเบตครั้งแรกระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน และนายโดนัลด์ ทรัมป์ พบว่าทรัมป์ได้รับคะแนนนิยมมากขึ้น กองทุน SPDR ขายทอง 2.88 ตันจากสัปดาห์ก่อน

ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม สัปดาห์นี้สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงาน ทั้งการจ้างงานภาคเอกชนทั่วประเทศเดือนมิ.ย. ของ ADP และการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย. รวมถึงรายงานการประชุม FOMC

วิเคราะห์ราคาทอง ราคาทองคำยังเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways มีแรงซื้อกลับเข้ามาเมื่อมีแรงเทขาย คาดว่าราคาทองคำอาจย่อตัวลงมาเล็กน้อยหลังแตะ 2,340 ดอลลาร์ แต่คาดว่าจะยืนเหนือ 2,300 ดอลลาร์

ราคาทองย้อนหลัง คลิกที่นี่

ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา วันศุกร์ราคาทองคำปรับตัวลงแรง เนื่องจากแรงกดดันจากเงินดอลลาร์แข็งค่าสุดในรอบ 8 สัปดาห์ และ Bond Yield สหรัฐเพิ่มขึ้น หลังจากดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจของสหรัฐเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 26 เดือนในเดือนมิถุนายน รวมถึงดัชนีภาคการผลิตและภาคบริการเดือนมิถุนายนสูงกว่าตลาดคาด ส่วนกองทุน SPDR ซื้อทอง 6.62 ตันจากสัปดาห์ก่อน

ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม สัปดาห์นี้สหรัฐจะเปิดเผยจีดีพีไตรมาส 1 (ประมาณการครั้งสุดท้าย) และดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐานเดือนพฤษภาคม

วิเคราะห์ราคาทอง แรงขายกดดันให้ Low ของราคาทองคำเมื่อวันศุกร์ต่ำกว่าวันก่อนหน้า ซึ่งส่งผลต่อทิศทางราคาทองคำอาจปรับตัวลงในระยะสั้น ทั้งนี้ ราคาทองคำมีแนวรับสำคัญที่ 2,300 ดอลลาร์ คาดว่าอาจปรับตัวลงไปสู่แนวรับดังกล่าวที่ 2,300-2,305 ดอลลาร์ โดยมีแนวรับที่ 2,310 และ 2,300 ดอลลาร์ และแนวต้านที่ 2,330 และ 2,340 ดอลลาร์ แนะนำเปิดสถานะขายที่ 2,330 ดอลลาร์ โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ 2,340 ดอลลาร์ หากราคาทองคำยังคงยืนเหนือแนวรับสำคัญได้ ให้ขายทำกำไร แต่ถ้าหลุดบริเวณแนวรับดังกล่าว ให้ Follow เปิดสถานะขายได้ต่อ