ข่าวสารวันนี้

ส่องข่าวสาร แวดวงการเมือง อัปเดตรายวัน

    Category Archive : ผู้หญิง

    สารส้มทารักแร้

    สารส้มทารักแร้: ตัวช่วยดับกลิ่นกายจากธรรมชาติ

    สารส้มเป็นแร่ธาตุธรรมชาติที่มีคุณสมบัติในการระงับกลิ่นกายได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้เองจึงถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมหลักในผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายหลายชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สารส้มทารักแร้ ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในหมู่ผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาเรื่องกลิ่นตัว

    สารส้มคืออะไร?

    สารส้ม หรือที่เรียกว่า พอแทสเซียมอะลัม (Potassium Alum) เป็นเกลือผลึกใสไม่มีสี มีคุณสมบัติในการระงับกลิ่นได้ดีเยี่ยม เนื่องจากมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการเกิดกลิ่นตัว นอกจากนี้ สารส้มยังช่วยลดการหลั่งเหงือได้ในระดับหนึ่ง ทำให้รักแร้แห้งสบายตลอดวัน

    สรรพคุณของสารส้มทารักแร้

    • ระงับกลิ่นกาย: สารส้มช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในบริเวณรักแร้ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของกลิ่นตัว ทำให้รักแร้หอมสดชื่นตลอดวัน
    • ลดการระคายเคือง: สารส้มมีคุณสมบัติในการสมานแผลและลดการระคายเคืองของผิวหนัง จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย
    • ช่วยให้รักแร้ขาวขึ้น: การใช้สารส้มทารักแร้อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ผิวใต้วงแร้ดูกระจ่างใสขึ้น
    • ราคาประหยัด: สารส้มมีราคาถูกและหาซื้อง่าย สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยา ร้านขายของชำ หรือร้านขายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ

    วิธีใช้สารส้มทารักแร้

    • ทำความสะอาดผิว: ก่อนใช้สารส้มควรอาบน้ำทำความสะอาดผิวให้สะอาด
    • เช็ดให้แห้ง: ตบผิวใต้วงแร้ให้แห้งสนิทก่อนทาสารส้ม
    • ทาสารส้ม: ใช้สารส้มทาลงบนผิวใต้วงแร้ให้ทั่ว
    • ทาซ้ำได้ตามต้องการ: สามารถทาซ้ำได้ตลอดวันหากรู้สึกว่ามีเหงื่อออกมาก

    สารส้มเหมาะสำหรับใคร?

    สารส้มเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องกลิ่นตัว ผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย หรือผู้ที่ต้องการผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายที่เป็นธรรมชาติและปลอดภัย

    ข้อควรระวังในการใช้สารส้ม

    • การแพ้: แม้ว่าสารส้มจะเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ แต่บางคนก็อาจมีอาการแพ้ได้ ควรทดลองใช้ในปริมาณน้อยก่อน และหากมีอาการระคายเคืองควรหยุดใช้ทันที
    • ผิวแห้ง: สารส้มอาจทำให้ผิวแห้งได้ ควรบำรุงผิวใต้วงแร้ด้วยโลชั่นหรือครีมบำรุงผิวเป็นประจำ
    • การเลือกซื้อ: ควรเลือกซื้อสารส้มจากผู้ผลิตที่เชื่อถือได้ เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัย

    สรุป

    สารส้มทารักแร้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาเรื่องกลิ่นตัวอย่างเป็นธรรมชาติและปลอดภัย ด้วยคุณสมบัติในการระงับกลิ่น ลดการระคายเคือง และช่วยให้ผิวขาวขึ้น ทำให้สารส้มเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย อย่างไรก็ตาม ควรเลือกใช้สารส้มที่เหมาะสมกับสภาพผิวของตนเอง และหากมีอาการแพ้ควรหยุดใช้ทันที

    ดูแลผิวช่วงหน้าฝน

    ดูแลผิวให้สวยใส ไร้กังวลในช่วงหน้าฝน

    หน้าฝนมาเยือนแล้ว อากาศชื้นๆ แปรปรวน ทำให้ผิวหน้าของเราต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นสิว ผิวมัน หรือผิวแห้ง แต่วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจ และบอกเคล็ดลับดีๆ ในการดูแลผิวหน้าให้สวยใส สุขภาพดี ตลอดทั้งฤดูฝนกันค่ะ

    ทำไมผิวถึงมีปัญหาในช่วงหน้าฝน?

    • ความชื้นสูง: อากาศชื้นทำให้เกิดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราได้ง่าย ส่งผลให้เกิดสิวและการอักเสบของผิว
    • ฝุ่นละออง: ฝนที่ตกชะล้างฝุ่นละอองลงมา ทำให้ผิวอุดตันและเกิดสิว
    • แสงแดด: แม้จะเป็นช่วงหน้าฝน แต่แสงแดดก็ยังคงเป็นปัจจัยที่ทำร้ายผิวได้
    • การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ: อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงบ่อย ทำให้ผิวปรับตัวไม่ทัน เกิดอาการระคายเคือง

    เคล็ดลับดูแลผิวในช่วงหน้าฝน

    1. ทำความสะอาดผิวอย่างถูกวิธี:
      • ล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยน
      • ล้างหน้าให้สะอาดอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เพื่อขจัดสิ่งสกปรกและไขมันส่วนเกิน
      • หลีกเลี่ยงการขัดถูผิวหน้าแรงๆ
    2. บำรุงผิวด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์:
      • เลือกมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิว
      • ทาครีมบำรุงผิวทันทีหลังอาบน้ำ เพื่อกักเก็บความชุ่มชื้น
      • เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากธรรมชาติ เช่น อโลเวรา หรือว่านหางจระเข้
    3. ปกป้องผิวจากแสงแดด:
      • ทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน
      • เลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป
      • สวมหมวกและแว่นกันแดด
    4. ผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน:
      • ขัดผิวอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว
      • เลือกสครับที่มีเนื้อละเอียดและอ่อนโยนต่อผิว
    5. ดื่มน้ำให้เพียงพอ:
      • การดื่มน้ำช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและมีสุขภาพดี
    6. พักผ่อนให้เพียงพอ:
      • การพักผ่อนที่เพียงพอช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมเซลล์ผิวได้ดี

    ผลิตภัณฑ์ที่ควรใช้ในช่วงหน้าฝน

    • โทนเนอร์: ช่วยปรับค่า pH ของผิวให้สมดุล
    • เซรั่ม: บำรุงผิวแบบเข้มข้น
    • มาส์กหน้า: ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว
    • สเปรย์น้ำแร่: ช่วยให้ผิวสดชื่น

    คำแนะนำเพิ่มเติม

    • หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าบ่อยๆ: เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อแบคทีเรีย
    • เลือกใช้เครื่องสำอางที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน
    • ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง: หากมีปัญหาผิวรุนแรง

    ด้วยการดูแลผิวอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอ ผิวของคุณก็จะสวยใส สุขภาพดี ตลอดทั้งฤดูฝนค่ะ

    วิธีลดน้ำหนักแบบธรรมชาติ

    วิธีลดน้ำหนักแบบธรรมชาติ: สู่หุ่นเฟิร์ม สุขภาพดี ด้วยตัวคุณเอง

    การลดน้ำหนักเป็นเป้าหมายของหลายๆ คน แต่การลดน้ำหนักอย่างปลอดภัยและยั่งยืนนั้นสำคัญไม่แพ้กัน การใช้วิธีลดน้ำหนักแบบธรรมชาติ นอกจากจะช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีขึ้นแล้ว ยังช่วยให้คุณสามารถควบคุมน้ำหนักได้ในระยะยาวอีกด้วย มาดูกันว่าวิธีลดน้ำหนักแบบธรรมชาติที่คุณสามารถทำได้ง่ายๆ มีอะไรบ้าง

    1. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน

    • เน้นอาหารที่มีไฟเบอร์สูง: ผัก ผลไม้ ธัญพืช ไม่ขัดสี ช่วยให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น ลดความอยากอาหาร และช่วยในการขับถ่าย
    • ลดการบริโภคอาหารแปรรูป: อาหารแปรรูปมักมีโซเดียมและน้ำตาลสูง ควรหลีกเลี่ยงหรือลดปริมาณลง
    • ดื่มน้ำให้เพียงพอ: น้ำช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดีขึ้น และช่วยลดความอยากอาหาร
    • ทานอาหารมื้อเล็กๆ หลายมื้อ: ช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ ลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ และช่วยควบคุมน้ำหนักได้ดีขึ้น
    • อ่านฉลากอาหาร: ตรวจสอบปริมาณแคลอรี่ ไขมัน โซเดียม และน้ำตาล ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ

    2. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

    • คาร์ดิโอ: เช่น การวิ่ง การว่ายน้ำ การปั่นจักรยาน ช่วยเผาผลาญแคลอรี่
    • การฝึกความแข็งแรง: ช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อ ทำให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรี่ได้มากขึ้นแม้ขณะพักผ่อน
    • หากิจกรรมที่ชอบ: การออกกำลังกายที่คุณสนุกจะทำให้คุณทำได้อย่างต่อเนื่อง

    3. พักผ่อนให้เพียงพอ

    การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายได้ซ่อมแซมตัวเอง และช่วยควบคุมฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความหิวและความอิ่ม

    4. จัดการความเครียด

    ความเครียดสามารถทำให้เกิดการหลั่งของฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่กระตุ้นให้อยากอาหาร ควรหาเวลาผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิ โยคะ หรือฟังเพลง

    5. ปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ

    ก่อนเริ่มโปรแกรมลดน้ำหนัก ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ เพื่อวางแผนการลดน้ำหนักที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของคุณ

    เคล็ดลับเพิ่มเติม:

    • ตั้งเป้าหมายที่สมจริง: การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ ควรตั้งเป้าหมายที่สามารถทำได้จริงและยั่งยืน
    • หาเพื่อนร่วมลดน้ำหนัก: การมีเพื่อนร่วมลดน้ำหนักจะช่วยให้คุณมีกำลังใจและมุ่งมั่นมากขึ้น
    • บันทึกอาหารและการออกกำลังกาย: การบันทึกจะช่วยให้คุณเห็นความคืบหน้าและปรับปรุงแผนการลดน้ำหนักได้

    ข้อควรจำ: การลดน้ำหนักแบบธรรมชาตินั้นต้องใช้เวลาและความอดทน อย่าเพิ่งท้อแท้หากยังไม่เห็นผลลัพธ์ที่ต้องการที่สำคัญคือต้องทำอย่างต่อเนื่องและมีความสุขกับกระบวนการ

    วิธีลดน้ำหนักเร่งด่วน

    วิธีลดน้ำหนักเร่งด่วน ฉบับปลอดภัยและได้ผล

    คำเตือน: การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มต้นทุกครั้ง

    หลายคนใฝ่ฝันที่จะมีรูปร่างเพรียวบางในเวลาอันรวดเร็ว แต่การลดน้ำหนักอย่างเร่งด่วนนั้นต้องทำอย่างถูกวิธี มิฉะนั้นอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีลดน้ำหนักอย่างปลอดภัยและได้ผล พร้อมทั้งไขข้อข้องใจเกี่ยวกับวิธีการลดน้ำหนักที่เป็นที่นิยม

    ทำไมต้องลดน้ำหนักอย่างปลอดภัย?

    การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วเกินไป อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพต่างๆ เช่น

    • การขาดสารอาหาร: การอดอาหารหรือกินอาหารจำกัดเกินไป ทำให้ร่างกายขาดสารอาหารที่จำเป็น
    • กล้ามเนื้อลดลง: ร่างกายจะดึงเอาโปรตีนจากกล้ามเนื้อมาใช้เป็นพลังงาน ทำให้กล้ามเนื้อลดลง
    • อ่อนเพลีย: การขาดพลังงานทำให้ร่างกายอ่อนล้า ไม่มีแรง
    • ระบบเผาผลาญช้าลง: ร่างกายจะปรับตัวให้ใช้พลังงานน้อยลง ทำให้น้ำหนักกลับมาเพิ่มขึ้นได้ง่าย

    วิธีลดน้ำหนักอย่างปลอดภัยและได้ผล

    1. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน:
      • ลดปริมาณอาหาร: กินให้อิ่มพอดี ไม่กินจนอิ่มเกินไป
      • เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์: เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี และโปรตีนจากเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ถั่ว และนม
      • ดื่มน้ำให้เพียงพอ: ช่วยให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้ดีขึ้น
      • หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป: อาหารแปรรูปมักมีโซเดียมและน้ำตาลสูง
      • ลดการกินอาหารหวานและมัน: ลดการบริโภคขนมหวาน เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล และอาหารทอด
    2. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ:
      • คาร์ดิโอ: ช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้ดี เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน
      • การฝึกความแข็งแรง: ช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อ ทำให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรี่ได้มากขึ้น
      • ออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์
    3. พักผ่อนให้เพียงพอ:
      • นอนหลับให้ได้ 7-8 ชั่วโมงต่อคืน: การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้ฮอร์โมนที่ควบคุมความหิวและความอิ่มทำงานผิดปกติ
    4. ลดความเครียด:
      • ฝึกการผ่อนคลาย: เช่น การทำสมาธิ โยคะ หรือฟังเพลง
      • หาเวลาทำกิจกรรมที่ชอบ: ช่วยให้จิตใจผ่อนคลาย

    เคล็ดลับเพิ่มเติม

    • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: นักโภชนาการหรือแพทย์สามารถให้คำแนะนำในการลดน้ำหนักที่เหมาะสมกับคุณ
    • ตั้งเป้าหมายที่สมจริง: การลดน้ำหนักทีละน้อยจะช่วยให้คุณทำได้อย่างยั่งยืน
    • บันทึกอาหารและการออกกำลังกาย: ช่วยให้คุณติดตามความคืบหน้าและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้
    • หาเพื่อนร่วมลดน้ำหนัก: จะช่วยให้คุณมีกำลังใจและมุ่งมั่นมากยิ่งขึ้น

    ข้อควรระวัง:

    • อย่าอดอาหาร: การอดอาหารจะทำให้ร่างกายขาดสารอาหารและอาจทำให้เกิดโรคต่างๆ ได้
    • อย่าใช้ยาลดน้ำหนักโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์: ยาลดน้ำหนักบางชนิดอาจมีผลข้างเคียงที่ร้ายแรง
    • อย่าหลงเชื่อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่โฆษณาเกินจริง: ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบางชนิดอาจไม่ได้ผลตามที่โฆษณา และอาจมีส่วนผสมที่เป็นอันตราย

    สรุป การลดน้ำหนักอย่างปลอดภัยและได้ผลต้องอาศัยความอดทนและความพยายาม การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ และลดความเครียด คือปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมาย

    รู้จักหมอพรทิพย์ คือใคร ?

    รู้จักหมอพรทิพย์ คือใคร ?

    หมอพรทิพย์ หรือชื่อเต็มว่า แพทย์หญิง คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ เป็นนักการเมืองและแพทย์สตรีชาวไทย ดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาไทย ชุดที่ 12 กรรมการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค ของ วุฒิสภาไทย ชุดที่ 12 กรรมการในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม คณะกรรมการประสานงาน รวมไทยสร้างชาติ และประธานคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภาไทย ชุดที่ 12

    หมอพรทิพย์เกิดเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2497 ที่อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก จบการศึกษาจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และได้รับทุนรัฐบาลไปศึกษาต่อระดับปริญญาโทและเอกด้านพยาธิวิทยาที่มหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย

    หลังจบการศึกษา หมอพรทิพย์ได้กลับมาทำงานเป็นอาจารย์ประจำภาควิชาพยาธิวิทยา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี และได้รับตำแหน่งหัวหน้าหน่วยนิติเวชและหัวหน้าหน่วยตรวจศพ

    ในปี พ.ศ. 2551 หมอพรทิพย์ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ดำรงตำแหน่งจนถึงปี พ.ศ. 2556

    ในระหว่างดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ หมอพรทิพย์ได้มีส่วนร่วมในการตรวจพิสูจน์ศพในคดีสำคัญหลายคดี เช่น คดีฆาตกรรมนายสมชาย นีละไพจิตร คดีฆาตกรรมนายวีระ แนวพานิช คดีฆาตกรรมนายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ และคดีฆาตกรรมนายสมบัติ วรปัญญา

    หมอพรทิพย์เป็นที่รู้จักกันดีจากบทบาทในการเรียกร้องให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงในคดีสำคัญต่างๆ โดยไม่เกรงกลัวอำนาจหรืออิทธิพลใดๆ ส่งผลให้เธอได้รับฉายาว่า “คุณหมอหมื่นศพ” และ “มือปราบฆาตกรรม”

    ในปี พ.ศ. 2562 หมอพรทิพย์ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภาไทย ชุดที่ 12 ในฐานะผู้สมัครอิสระ

    นอกจากงานด้านการแพทย์และการเมืองแล้ว หมอพรทิพย์ยังเป็นที่รู้จักในฐานะนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนและสิทธิสตรีอีกด้วย

    ประเด็นที่ทำให้หมอพรทิพย์เป็นที่สนใจและเป็นที่ถกเถียงในสังคมไทย ได้แก่

    • การออกมาเปิดเผยข้อมูลการชันสูตรศพในคดีสำคัญต่างๆ ที่ขัดแย้งกับผลการชันสูตรของเจ้าหน้าที่รัฐ
    • การวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐในกระบวนการยุติธรรม
    • การเรียกร้องให้มีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม
    • การแสดงความเห็นทางการเมืองที่ตรงไปตรงมา

    หมอพรทิพย์เป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย

    เรื่องที่เกี่ยวข้อง ประวัติหมอพรทิพย์


    เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

    ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

    คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

    ยอมรับทั้งหมด
    จัดการความเป็นส่วนตัว
    • เปิดใช้งานตลอด

    บันทึกการตั้งค่า