ข่าวสารวันนี้

ส่องข่าวสาร แวดวงการเมือง อัปเดตรายวัน

    Tag Archive : ความงาม

    วาสลีน สรรพคุณ

    วาสลีน สรรพคุณสารพัด ประโยชน์ครอบจักรวาลที่คุณอาจไม่เคยรู้

    วาสลีน (Vaseline) หรือที่รู้จักกันในชื่อ ปิโตรเลียม เจลลี (Petroleum Jelly) เป็นผลิตภัณฑ์สารพัดประโยชน์ที่อยู่คู่ครัวเรือนมานานนับศตวรรษ ด้วยเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์ คือ ความเหนียวข้นคล้ายเจล แต่ให้ความชุ่มชื้นได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้วาสลีนถูกนำมาใช้ประโยชน์หลากหลายด้าน ตั้งแต่การดูแลผิวพรรณ ไปจนถึงการใช้งานในชีวิตประจำวันที่คุณอาจคาดไม่ถึง

    ต้นกำเนิดและความเป็นมาของวาสลีน

    วาสลีนถูกค้นพบโดย โรเบิร์ต ชีสโบรห์ (Robert Chesebrough) นักเคมีชาวอเมริกัน ในปี พ.ศ. 2412 (ค.ศ. 1859) เขาได้สังเกตเห็นคนงานแท่นขุดเจาะน้ำมันใช้สารคล้ายขี้ผึ้งเหนียวๆ ทาเพื่อรักษาบาดแผลและผิวที่แห้งแตก ชีสโบรห์จึงนำสารดังกล่าวมาศึกษาและพัฒนา จนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม เจลลีบริสุทธิ์ที่เรารู้จักกันในชื่อ “วาสลีน” ในปัจจุบัน

    วาสลีนสรรพคุณครอบจักรวาล

    ด้วยคุณสมบัติในการให้ความชุ่มชื้นและปกป้องผิว วาสลีนมีสรรพคุณหลากหลายที่น่าทึ่ง ดังนี้:

    1. บำรุงและให้ความชุ่มชื้นผิว:

    • ผิวแห้งแตก: วาสลีนเป็นตัวช่วยชั้นดีสำหรับผิวที่แห้งแตกบริเวณต่างๆ เช่น ข้อศอก หัวเข่า ส้นเท้า หรือริมฝีปาก ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นและทำให้ผิวกลับมาเนียนนุ่ม
    • ผิวที่โดนลมหรืออากาศเย็น: การทาวาสลีนบางๆ บนผิวหน้าและมือ สามารถช่วยปกป้องผิวจากลมและอากาศเย็นที่ทำให้ผิวแห้งและระคายเคือง
    • ผิวหลังอาบน้ำ: ทาวาสลีนขณะที่ผิวยังหมาดๆ จะช่วยล็อคความชุ่มชื้นไว้ได้ยาวนานยิ่งขึ้น
    • บำรุงเล็บและจมูกเล็บ: ทาวาสลีนบริเวณจมูกเล็บเป็นประจำ ช่วยให้เล็บแข็งแรงและป้องกันจมูกเล็บแห้งแตก

    2. ปกป้องผิว:

    • ผิวหนังบริเวณที่เสียดสี: ทาวาสลีนบริเวณที่อาจเกิดการเสียดสี เช่น ต้นขาด้านใน หรือบริเวณที่สายเสื้อในกดทับ เพื่อลดการระคายเคืองและการเกิดผื่น
    • ผิวหนังจากการแพ้: วาสลีนสามารถช่วยปกป้องผิวจากสารระคายเคืองภายนอก และช่วยบรรเทาอาการแพ้เล็กน้อยได้
    • ผิวหนังบริเวณที่ใส่ผ้าอ้อม: ทาวาสลีนบางๆ บนผิวเด็กทารกบริเวณที่ใส่ผ้าอ้อม เพื่อป้องกันการระคายเคืองจากความชื้นและของเสีย

    3. ช่วยสมานแผลเล็กน้อย:

    • บาดแผลถลอก: การทาวาสลีนบางๆ บนบาดแผลถลอกที่สะอาดแล้ว สามารถช่วยรักษาความชุ่มชื้นและป้องกันการติดเชื้อ ทำให้แผลสมานได้เร็วขึ้น
    • รอยขีดข่วน: เช่นเดียวกับบาดแผลถลอก วาสลีนสามารถช่วยให้รอยขีดข่วนเล็กๆ หายได้เร็วขึ้น

    4. ประโยชน์ด้านความงาม:

    • บำรุงริมฝีปาก: วาสลีนเป็นลิปบาล์มชั้นดี ช่วยให้ริมฝีปากชุ่มชื้น ไม่แห้งแตก และดูอวบอิ่ม
    • จัดแต่งทรงคิ้ว: ใช้แต้มวาสลีนเล็กน้อยบนคิ้ว เพื่อให้คิ้วเรียงตัวสวยงามและอยู่ทรง
    • เพิ่มความโกลว์ให้ผิว: ผสมวาสลีนเล็กน้อยกับรองพื้น จะช่วยให้ผิวดูโกลว์และสุขภาพดี
    • เช็ดเครื่องสำอาง: วาสลีนสามารถใช้เช็ดเครื่องสำอางบางชนิดได้ โดยเฉพาะเครื่องสำอางกันน้ำบริเวณรอบดวงตา
    • ป้องกันสีผมเลอะผิวหนัง: ก่อนย้อมผม ทาวาสลีนบริเวณไรผมและใบหู เพื่อป้องกันสีผมเลอะติดผิวหนัง

    5. ประโยชน์อื่นๆ ในชีวิตประจำวัน:

    • หล่อลื่นซิป: ทาวาสลีนบนซิปที่ติดขัด จะช่วยให้รูดได้ง่ายขึ้น
    • ป้องกันสนิม: ทาวาสลีนบางๆ บนเครื่องมือโลหะ เพื่อป้องกันการเกิดสนิม
    • ขัดเงาเครื่องหนัง: ทาวาสลีนเล็กน้อยบนเครื่องหนัง แล้วเช็ดออก จะช่วยให้เครื่องหนังดูเงางามขึ้น
    • ถอดแหวนที่ติดนิ้ว: ทาวาสลีนรอบๆ แหวน จะช่วยให้ถอดแหวนออกได้ง่ายขึ้น

    ข้อควรระวังในการใช้วาสลีน

    • ไม่เหมาะสำหรับแผลลึกหรือแผลเปิดขนาดใหญ่: ควรใช้ยาฆ่าเชื้อและปรึกษาแพทย์สำหรับบาดแผลที่รุนแรง
    • อาจทำให้ผิวมันเยิ้ม: สำหรับผู้ที่มีผิวมัน ควรใช้วาสลีนในปริมาณน้อยและเฉพาะบริเวณที่แห้งกร้าน
    • อาจอุดตันรูขุมขนในบางคน: หากใช้ในปริมาณมากเกินไป อาจทำให้เกิดสิวอุดตันได้ ควรสังเกตอาการของผิวหลังการใช้

    สรุป

    วาสลีนเป็นผลิตภัณฑ์สารพัดประโยชน์ที่มีสรรพคุณมากมายเกินกว่าที่คุณคิด ไม่ว่าจะเป็นการดูแลผิวพรรณ ปกป้องผิว ช่วยสมานแผลเล็กน้อย หรือแม้แต่การใช้งานในชีวิตประจำวัน ด้วยราคาที่ไม่แพงและหาซื้อได้ง่าย วาสลีนจึงเป็นไอเท็มสามัญประจำบ้านที่ควรมีติดไว้ เพื่อรับมือกับปัญหาผิวและอื่นๆ ได้อย่างอเนกประสงค์

    สระผมตอนกลางคืน

    สระผมตอนกลางคืน: ดีหรือไม่ดีต่อสุขภาพผมและหนังศีรษะ?

    การสระผมเป็นกิจวัตรที่หลายคนทำเป็นประจำ แต่สำหรับบางคน การสระผมตอนกลางคืนอาจเป็นทางเลือกที่สะดวกกว่าช่วงเวลาอื่น อย่างไรก็ตาม ยังคงมีข้อสงสัยและความเชื่อต่างๆ เกี่ยวกับการสระผมตอนกลางคืนว่าส่งผลดีหรือผลเสียต่อสุขภาพผมและหนังศีรษะกันแน่ บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกถึงข้อดี ข้อเสีย และวิธีปฏิบัติที่ถูกต้องในการสระผมตอนกลางคืน

    ข้อดีของการสระผมตอนกลางคืน

    • ความสะดวกสบาย: สำหรับผู้ที่มีตารางชีวิตที่ยุ่งเหยิง การสระผมตอนกลางคืนอาจเป็นช่วงเวลาเดียวที่พวกเขามีเวลาเพียงพอในการดูแลเส้นผมได้อย่างเต็มที่
    • ประหยัดเวลาในช่วงเช้า: การสระผมเสร็จเรียบร้อยในตอนกลางคืน ช่วยให้ประหยัดเวลาในการจัดแต่งทรงผมในตอนเช้าได้มากขึ้น
    • ลดความมันบนหนังศีรษะ: การสระผมก่อนนอนช่วยชำระล้างความมันและสิ่งสกปรกที่สะสมมาตลอดวัน ทำให้หนังศีรษะสะอาดและสดชื่น
    • ผมแห้งเองตามธรรมชาติ (สำหรับบางคน): หากมีเวลาเพียงพอ ผมอาจแห้งเองตามธรรมชาติในขณะที่คุณนอนหลับ ซึ่งอาจช่วยลดความเสียหายจากความร้อนของการใช้ไดร์เป่าผม

    ข้อเสียของการสระผมตอนกลางคืน

    • เสี่ยงต่อการเกิดเชื้อราและรังแค: หากผมยังไม่แห้งสนิทก่อนนอน ความชื้นที่ตกค้างบนหนังศีรษะเป็นเวลานานอาจเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของเชื้อรา ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของรังแคและปัญหาหนังศีรษะอื่นๆ
    • ผมพันกันและชี้ฟู: การนอนทับผมที่ยังไม่แห้งสนิทอาจทำให้ผมพันกัน ยุ่งเหยิง และชี้ฟูในตอนเช้า ทำให้ยากต่อการจัดทรง
    • ผมเปราะบางและขาดง่าย: ผมที่เปียกจะมีความเปราะบางกว่าผมแห้ง การนอนทับผมที่เปียกอาจทำให้เส้นผมถูกกดทับและเสียดสี จนเกิดการขาดหลุดร่วงได้ง่ายขึ้น
    • อาจทำให้ไม่สบาย: โดยเฉพาะในช่วงอากาศเย็น หากศีรษะยังเปียกชื้น อาจทำให้รู้สึกไม่สบายและเสี่ยงต่อการเป็นหวัดได้

    วิธีสระผมตอนกลางคืนอย่างถูกวิธีเพื่อลดผลเสีย

    หากคุณจำเป็นต้องสระผมตอนกลางคืนจริงๆ มีวิธีปฏิบัติบางอย่างที่สามารถช่วยลดผลเสียที่อาจเกิดขึ้นได้:

    1. สระผมให้เสร็จเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนนอน: พยายามสระผมให้เสร็จอย่างน้อย 1-2 ชั่วโมงก่อนเข้านอน เพื่อให้มีเวลาเพียงพอในการทำให้ผมแห้งสนิท
    2. ใช้ผ้าขนหนูซับน้ำให้แห้งหมาดที่สุด: หลังสระผมเสร็จ ให้ใช้ผ้าขนหนูเนื้อนุ่มซับน้ำออกจากผมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยหลีกเลี่ยงการขยี้ผมแรงๆ
    3. เป่าผมให้แห้งสนิท: การใช้ไดร์เป่าผมด้วยลมเย็นหรือลมอุ่น (ไม่ร้อนจัด) จนผมแห้งสนิทเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันปัญหาเชื้อราและความชื้นบนหนังศีรษะ หากมีเวลาจำกัด อาจเป่าให้แห้งประมาณ 80-90% แล้วปล่อยให้แห้งเองต่ออีกเล็กน้อย
    4. ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผม: การใช้เซรั่มบำรุงผม หรือ leave-in conditioner อาจช่วยลดการพันกันของเส้นผมและเพิ่มความชุ่มชื้น
    5. รวบผมหลวมๆ ก่อนนอน (ถ้าผมยาว): หากผมยาว ควรเกล้าผมหลวมๆ หรือถักเปียหลวมๆ เพื่อลดการเสียดสีและการพันกันขณะนอนหลับ
    6. เลือกปลอกหมอนผ้าไหมหรือผ้าซาติน: ปลอกหมอนเหล่านี้มีความลื่น ช่วยลดการเสียดสีของเส้นผมขณะนอนหลับ

    สรุป

    การสระผมตอนกลางคืนไม่ได้มีข้อห้ามตายตัว แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการทำให้ผมและหนังศีรษะแห้งสนิทก่อนเข้านอน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจตามมา หากคุณสามารถจัดการและดูแลเส้นผมอย่างถูกวิธีหลังสระผมตอนกลางคืนได้ ก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องกังวลมากนัก อย่างไรก็ตาม หากมีเวลา การสระผมในตอนเช้าหรือช่วงกลางวันที่มีเวลาให้ผมแห้งสนิทได้เองตามธรรมชาติ อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับสุขภาพผมและหนังศีรษะในระยะยาว

    กัวซา

    เปิดโลก “กัวซา” ศาสตร์ขูดเส้นจีนเพื่อสุขภาพที่คุณควรรู้

    กัวซา (Gua Sha) คือศาสตร์การบำบัดแบบโบราณของจีนที่เน้นการกระตุ้นร่างกายผ่าน “การขูดเส้น” ด้วยเครื่องมือพิเศษ เช่น หินหยก ช้อนเซรามิก หรือเขาควาย โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและพลังงาน “ชี่” ซึ่งเป็นแนวคิดพื้นฐานของการแพทย์แผนจีน

    หลักการของกัวซาคืออะไร?

    กัวซาทำโดยการขูดผิวหนังเบา ๆ ในทิศทางเฉพาะ ทำให้เกิดจุดแดงหรือ “ซา” ที่บ่งชี้ว่าร่างกายกำลังขับของเสียและพลังงานที่ติดค้างออกมา เมื่อระบบไหลเวียนดีขึ้น อาการปวดเมื่อย ความตึงเครียด และการอักเสบต่าง ๆ ก็จะทุเลาลง

    เครื่องมือที่ใช้มีอะไรบ้าง?

    • หินหยก และ โรสควอตซ์ – นิยมใช้บนใบหน้า
    • เขาควาย – สำหรับขูดตามร่างกาย
    • ช้อนเซรามิก – ใช้ง่ายในบ้าน
    • พลาสติกแบบพกพา – สะดวกและราคาประหยัด

    ขั้นตอนการทำกัวซาอย่างถูกต้อง

    1. เตรียมผิว: ทาน้ำมันหรือน้ำมันหอมระเหย
    2. เลือกเครื่องมือ: ให้เหมาะกับบริเวณที่ทำ
    3. ขูดผิว: ตามแนวกล้ามเนื้อ โดยใช้แรงที่พอเหมาะ
    4. สังเกตผล: หากเกิด “ซา” สีแดงอมม่วง แสดงว่ากำลังขับของเสีย
    5. พักผ่อน: ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยขับสารพิษ

    ประโยชน์หลักของกัวซา

    • ลดอาการปวดหลัง ปวดคอ
    • กระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต
    • ลดการอักเสบของกล้ามเนื้อ
    • กระตุ้นระบบน้ำเหลือง
    • ใช้ฟื้นฟูผิวหน้าให้กระชับ (กัวซาหน้า)

    ข้อควรระวัง

    • หลีกเลี่ยงบริเวณผิวอักเสบ บาดแผล หรือขณะตั้งครรภ์
    • ผู้มีภาวะเลือดออกง่ายควรปรึกษาแพทย์ก่อน

    สรุป: กัวซาคือศาสตร์ที่ผสานแนวคิดสุขภาพจากธรรมชาติเข้ากับการดูแลตัวเองที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง ลองเปิดใจให้ศาสตร์โบราณนี้ดู แล้วคุณจะสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายได้อย่างแท้จริง

    เป่าผม ลมร้อน ลมเย็น

    เป่าผมด้วยลมร้อนหรือลมเย็น? เลือกแบบไหนดีต่อเส้นผม

    การเป่าผมให้แห้งหลังสระเป็นขั้นตอนสำคัญในการดูแลเส้นผม แต่หลายคนอาจสงสัยว่าการเป่าผมด้วยลมร้อนหรือลมเย็น แบบไหนกันแน่ที่จะดีต่อสุขภาพเส้นผมของเรามากกว่ากัน บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกถึงข้อดีข้อเสียของการเป่าผมด้วยลมร้อนและลมเย็น เพื่อให้คุณสามารถเลือกวิธีที่เหมาะสมกับสภาพผมของคุณได้มากที่สุด

    เป่าผมด้วยลมร้อน: ข้อดีและข้อเสีย

    ข้อดี:

    • ทำให้ผมแห้งเร็ว: ลมร้อนช่วยระเหยน้ำออกจากเส้นผมได้อย่างรวดเร็ว ประหยัดเวลาในการจัดแต่งทรงผม
    • ช่วยให้จัดทรงง่าย: ความร้อนทำให้เส้นผมอ่อนตัวลง ทำให้ง่ายต่อการหวี จัดทรง หรือเซ็ตผมให้อยู่ทรงตามต้องการ
    • เพิ่มวอลลุ่ม: การเป่าผมด้วยลมร้อนโดยยกโคนผมขึ้น สามารถช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้ผมดูหนาและมีชีวิตชีวามากขึ้น

    ข้อเสีย:

    • ทำลายเส้นผม: ความร้อนสูงสามารถทำลายโปรตีนเคราตินที่เป็นส่วนประกอบหลักของเส้นผม ทำให้ผมแห้งเสีย เปราะ ขาดง่าย และแตกปลาย
    • ทำให้ผมแห้งเสีย: ลมร้อนดึงความชุ่มชื้นออกจากเส้นผม ทำให้ผมแห้งกระด้าง ไม่เงางาม และอาจเกิดไฟฟ้าสถิต
    • ทำลายหนังศีรษะ: ความร้อนโดยตรงบนหนังศีรษะอาจทำให้หนังศีรษะแห้ง ระคายเคือง และอาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตของเส้นผมในระยะยาว
    • สีผมซีดจาง: ความร้อนอาจทำให้สีผมที่ทำมาซีดจางเร็วกว่าปกติ

    เป่าผมด้วยลมเย็น: ข้อดีและข้อเสีย

    ข้อดี:

    • อ่อนโยนต่อเส้นผม: ลมเย็นไม่ทำลายโครงสร้างโปรตีนของเส้นผม ช่วยลดความเสี่ยงของผมแห้งเสีย เปราะขาด และแตกปลาย
    • รักษาความชุ่มชื้นของเส้นผม: ลมเย็นช่วยให้เส้นผมคงความชุ่มชื้นตามธรรมชาติไว้ได้ดี ทำให้ผมดูเงางามและสุขภาพดี
    • ลดการเกิดไฟฟ้าสถิต: การเป่าผมด้วยลมเย็นช่วยลดการเกิดไฟฟ้าสถิต ทำให้ผมไม่ชี้ฟู จัดทรงง่ายขึ้นในระยะยาว
    • ดีต่อหนังศีรษะ: ลมเย็นไม่ทำให้หนังศีรษะแห้งหรือระคายเคือง

    ข้อเสีย:

    • ใช้เวลานานกว่าผมจะแห้ง: ลมเย็นมีพลังในการระเหยน้ำน้อยกว่าลมร้อน ทำให้ต้องใช้เวลานานกว่าผมจะแห้งสนิท
    • จัดทรงยากกว่า: การเป่าผมด้วยลมเย็นอาจทำให้จัดทรงยากกว่าการใช้ลมร้อน โดยเฉพาะผมที่ต้องการวอลลุ่มหรือการเซ็ตที่อยู่ทรงนาน

    แล้วเราควรเลือกเป่าผมด้วยลมแบบไหน?

    ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวว่าควรเป่าผมด้วยลมร้อนหรือลมเย็นเสมอไป การเลือกใช้นั้นขึ้นอยู่กับสภาพผม ความต้องการ และเวลาที่คุณมี

    • สำหรับผมสุขภาพดี: สามารถใช้ลมร้อนในการเป่าผมให้แห้งได้ แต่ควรใช้ความร้อนในระดับต่ำถึงปานกลาง และถือไดร์เป่าผมให้ห่างจากเส้นผมประมาณ 6-8 นิ้ว
    • สำหรับผมแห้งเสีย เปราะบาง หรือทำสี: ควรหลีกเลี่ยงการใช้ลมร้อนโดยตรง หรือใช้เฉพาะในบางโอกาสที่ต้องการจัดทรงเป็นพิเศษ และควรใช้สเปรย์ป้องกันความร้อนก่อนเป่าผมเสมอ การเป่าผมด้วยลมเย็นเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผมประเภทนี้
    • สำหรับผู้ที่ต้องการความรวดเร็ว: หากมีเวลาน้อย การใช้ลมร้อนอาจเป็นทางเลือกที่จำเป็น แต่ควรใช้ความระมัดระวังและบำรุงผมอย่างสม่ำเสมอ
    • สำหรับการจัดทรง: ลมร้อนช่วยให้จัดทรงได้ง่ายขึ้น แต่ควรใช้ควบคู่กับผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม และปิดท้ายด้วยลมเย็นเพื่อล็อคทรง

    คำแนะนำเพิ่มเติม:

    • ใช้หัวไดร์เป่าผมแบบปากแคบ: ช่วยควบคุมทิศทางลมและทำให้ผมแห้งเร็วขึ้น
    • เป่าผมจากโคนจรดปลาย: ช่วยให้เกล็ดผมเรียบลงและผมดูเงางาม
    • อย่าเป่าผมจนแห้งสนิท: ควรปล่อยให้ผมแห้งหมาดๆ เองบ้าง เพื่อลดการสัมผัสความร้อนโดยตรง
    • บำรุงผมเป็นประจำ: ใช้ทรีทเม้นท์หรือเซรั่มบำรุงผม เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและปกป้องเส้นผมจากความร้อน

    สรุป

    การเป่าผมด้วยลมร้อนและลมเย็นมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป การเลือกใช้วิธีใดขึ้นอยู่กับสภาพผม ความต้องการ และเวลาที่คุณมี การทำความเข้าใจถึงผลกระทบของลมแต่ละประเภทต่อเส้นผม จะช่วยให้คุณสามารถดูแลเส้นผมได้อย่างเหมาะสมและมีสุขภาพดีในระยะยาว

    กู้ผิวหลังสงกรานต์

    กู้ผิวสวยใส ท้าแดดแรง หลังสงกรานต์!

    สงกรานต์ผ่านพ้นไปพร้อมกับความสนุกสนานและกิจกรรมกลางแจ้งมากมาย สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือการเผชิญกับแสงแดดที่แผดจ้าและน้ำที่อาจไม่สะอาด ทำให้ผิวของเราบอบช้ำ หมองคล้ำ แห้งกร้าน หรืออาจเกิดผื่นแพ้ได้ การฟื้นฟูผิวหลังสงกรานต์จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้ผิวกลับมาสวยใส สุขภาพดี พร้อมรับวันใหม่

    สัญญาณผิวที่ต้องการการกู้ด่วน หลังสงกรานต์

    • ผิวหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ: แสงแดดเป็นตัวการหลักที่กระตุ้นการสร้างเม็ดสีผิว ทำให้ผิวดูคล้ำเสียและสีผิวไม่สม่ำเสมอ
    • ผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น: การโดนน้ำและแสงแดดเป็นเวลานาน ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ
    • ผิวแสบร้อน แดง: อาการผิวไหม้แดดเป็นสิ่งที่พบบ่อยหลังสงกรานต์ ทำให้ผิวรู้สึกแสบร้อนและแดง
    • ผิวลอกเป็นขุย: ผิวที่ถูกทำร้ายจากแสงแดดมักจะแห้งและลอกเป็นขุย
    • เกิดผื่นแพ้ สิวอุดตัน: น้ำที่ไม่สะอาดหรือผลิตภัณฑ์กันแดดที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดการระคายเคืองและอุดตันรูขุมขน

    5 ขั้นตอนกู้ผิวสวยใส หลังสงกรานต์

    1. ปลอบประโลมผิวที่ไหม้แดด:
      • ประคบเย็น: ใช้ผ้าเย็นหรือเจลเย็นประคบบริเวณที่ผิวไหม้แดด เพื่อลดอาการแสบร้อนและการอักเสบ
      • ว่านหางจระเข้: ทาเจลว่านหางจระเข้บริสุทธิ์บนผิวที่ไหม้แดด จะช่วยลดการอักเสบและให้ความชุ่มชื้น
      • หลีกเลี่ยงแสงแดด: พยายามอยู่ในที่ร่มและหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรงในช่วงนี้
    2. เติมความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างล้ำลึก:
      • มอยส์เจอไรเซอร์เข้มข้น: เลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของ Hyaluronic Acid, Ceramide หรือ Glycerin เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้ผิวที่แห้งกร้าน
      • มาส์กหน้า: ใช้มาส์กหน้าที่มีส่วนผสมให้ความชุ่มชื้น เช่น ว่านหางจระเข้ แตงกวา หรือ Hyaluronic Acid เป็นประจำ
      • ดื่มน้ำเยอะๆ: การดื่มน้ำให้เพียงพอจากภายในก็สำคัญไม่แพ้กัน
    3. ผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน:
      • สครับผิวสูตรอ่อนโยน: เลือกใช้สครับที่มีเม็ดบีดส์ขนาดเล็ก หรือสครับที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ เช่น น้ำตาลทรายแดงบดละเอียด หรือข้าวโอ๊ตบด เพื่อผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกอย่างอ่อนโยน สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
      • ผลิตภัณฑ์ AHA/BHA: หากผิวไม่บอบบางมาก สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA หรือ BHA ในความเข้มข้นต่ำ เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดรอยดำรอยแดง
    4. ฟื้นฟูผิวให้กระจ่างใส ลดรอยดำ:
      • เซรั่มวิตามินซี: วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ ความหมองคล้ำ และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
      • ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Niacinamide: ช่วยลดรอยดำรอยแดง ลดการอักเสบ และเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว
      • หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ไวท์เทนนิ่งแรงๆ: ในช่วงที่ผิวกำลังบอบช้ำ ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ทำให้ผิวขาวขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะอาจก่อให้เกิดการระคายเคือง
    5. ปกป้องผิวจากแสงแดดอย่างเคร่งครัด:
      • ทาครีมกันแดด: เลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และ PA+++ ขึ้นไป ทาให้ทั่วใบหน้าและลำคอก่อนออกแดดอย่างน้อย 20 นาที และทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง
      • สวมใส่เสื้อผ้าปกคลุม: สวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว หมวก และแว่นกันแดด เพื่อปกป้องผิวจากแสงแดดโดยตรง

    เคล็ดลับดูแลผิวเพิ่มเติมหลังสงกรานต์

    • พักผ่อนให้เพียงพอ: การนอนหลับอย่างมีคุณภาพจะช่วยให้ผิวได้ฟื้นฟูตัวเอง
    • ทานอาหารที่มีประโยชน์: เน้นทานผัก ผลไม้ ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
    • หลีกเลี่ยงการสัมผัสผิวหน้าบ่อยๆ: เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดสิว
    • หากมีอาการแพ้หรือระคายเคืองรุนแรง: ควรรีบปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง

    การดูแลและฟื้นฟูผิวหลังสงกรานต์ต้องอาศัยความใส่ใจและสม่ำเสมอ หากทำตามขั้นตอนและเคล็ดลับเหล่านี้ ผิวของคุณก็จะกลับมาสวยใส สุขภาพดี พร้อมรับทุกสถานการณ์ได้อย่างแน่นอน อย่าละเลยการดูแลผิวหลังสงกรานต์ เพื่อผิวที่สวยสดใสไปยาวนานนะคะ!

    คำแนะนำ: หากมีข้อสงสัยหรืออาการผิวหนังรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพผิวของคุณ

    วิธีปิดผมหงอก

    วิธีปิดผมหงอก: คืนความมั่นใจให้ผมสวยสุขภาพดี

    ผมหงอกเป็นสัญญาณแห่งวัยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราต้องยอมรับมันเสมอไป ปัจจุบันมีหลากหลายวิธีในการปิดผมหงอก ตั้งแต่การใช้ผลิตภัณฑ์เคมีไปจนถึงวิธีธรรมชาติ ลองมาดูกันว่าวิธีปิดผมหงอกไหนเหมาะกับคุณ

    วิธีปิดผมหงอก เลือกให้เหมาะกับคุณ

    1. การย้อมผม

    • ยาย้อมผมแบบถาวร:
      • เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ให้สีผมที่ติดทนนาน ปกปิดผมหงอกได้สนิท
      • เหมาะสำหรับผู้ที่มีผมหงอกจำนวนมาก
      • ข้อควรระวัง: อาจทำให้ผมแห้งเสียได้หากใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีคุณภาพ
    • ยาย้อมผมแบบกึ่งถาวร:
      • ให้สีผมที่ติดทนนานน้อยกว่าแบบถาวร แต่ยังคงปกปิดผมหงอกได้ดี
      • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนสีผมบ่อยๆ หรือมีผมหงอกไม่มาก
      • ข้อดี: อ่อนโยนต่อเส้นผมมากกว่าแบบถาวร
    • ยาย้อมผมแบบชั่วคราว:
      • ให้สีผมที่ติดทนเพียง 1-2 ครั้งของการสระผม
      • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทดลองสีผมใหม่ๆ หรือปกปิดผมหงอกเฉพาะโอกาสพิเศษ
      • ข้อดี: ใช้ง่ายและไม่ทำลายเส้นผม

    2. ผลิตภัณฑ์ปิดผมหงอกเฉพาะจุด

    • มาสคาร่าปิดผมหงอก:
      • ใช้ปัดปกปิดผมหงอกเฉพาะบริเวณโคนผมหรือไรผม
      • เหมาะสำหรับผู้ที่มีผมหงอกไม่มาก หรือต้องการปกปิดเฉพาะจุด
      • ข้อดี: ใช้งานง่ายและรวดเร็ว
    • สเปรย์ปิดผมหงอก:
      • ใช้ฉีดปกปิดผมหงอกเฉพาะบริเวณโคนผมหรือไรผม
      • เหมาะสำหรับผู้ที่มีผมหงอกไม่มาก หรือต้องการปกปิดเฉพาะจุด
      • ข้อดี: ใช้งานง่ายและรวดเร็ว

    3. วิธีธรรมชาติ

    • เฮนน่า:
      • เป็นสีย้อมผมจากธรรมชาติที่ให้สีผมโทนน้ำตาลแดง
      • ช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรงและเงางาม
      • ข้อควรระวัง: สีอาจไม่ติดทนนานเท่าสีย้อมผมเคมี
    • น้ำมันมะพร้าว:
      • ช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะให้แข็งแรง ลดการเกิดผมหงอกก่อนวัย
      • วิธีใช้: นวดน้ำมันมะพร้าวลงบนหนังศีรษะและเส้นผมเป็นประจำ
    • ชาดำ:
      • ชาดำสามารถนำมาใช้ปิดผมหงอกได้โดยการนำชาดำเข้มข้นมาหมักผมทิ้งไว้สักพักแล้วล้างออก

    คำแนะนำเพิ่มเติม

    • เลือกผลิตภัณฑ์ปิดผมหงอกที่เหมาะกับสภาพเส้นผมและหนังศีรษะของคุณ
    • ทดสอบอาการแพ้ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ
    • ดูแลเส้นผมให้แข็งแรงด้วยการบำรุงและหลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนสูง
    • หากมีปัญหาผมหงอกก่อนวัย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม

    การปิดผมหงอกเป็นเรื่องส่วนบุคคล เลือกวิธีที่เหมาะกับคุณและทำให้คุณมั่นใจที่สุด

    เครื่องดื่มบูสผิว

    เครื่องดื่มบูสผิว: เคล็ดลับผิวสวยจากภายในสู่ภายนอก

    ในยุคที่ความสวยงามเป็นสิ่งที่หลายคนให้ความสำคัญ การดูแลผิวพรรณจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม นอกจากการบำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์ภายนอกแล้ว การเติมเต็มสารอาหารจากภายในด้วยเครื่องดื่มบูสผิวก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ

    เครื่องดื่มบูสผิวคืออะไร?

    เครื่องดื่มบูสผิวคือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของสารอาหารที่ช่วยบำรุงผิวพรรณจากภายในสู่ภายนอก เช่น วิตามิน แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระ และคอลลาเจน ซึ่งสารอาหารเหล่านี้จะช่วยฟื้นฟูและบำรุงผิวให้แข็งแรง ชุ่มชื้น และเปล่งปลั่ง

    เครื่องดื่มบูสผิวมีประโยชน์อย่างไร?

    • เพิ่มความชุ่มชื้น: ช่วยให้ผิวอิ่มน้ำ ลดปัญหาผิวแห้งกร้าน
    • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน: ช่วยให้ผิวยืดหยุ่น ลดเลือนริ้วรอย
    • ต้านอนุมูลอิสระ: ปกป้องผิวจากมลภาวะและแสงแดด ลดปัญหาผิวหมองคล้ำ
    • ลดการอักเสบ: ช่วยลดปัญหาสิวและรอยแดง
    • เสริมสร้างความแข็งแรงของผิว: ช่วยให้ผิวแข็งแรง ไม่แพ้ง่าย

    เครื่องดื่มบูสผิวที่น่าสนใจ

    • น้ำผลไม้สด: น้ำผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี เช่น น้ำส้ม น้ำฝรั่ง น้ำมะนาว ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและต้านอนุมูลอิสระ
    • น้ำผักใบเขียว: น้ำผักใบเขียวที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ ช่วยบำรุงผิวให้แข็งแรงและลดการอักเสบ
    • ชาเขียว: ชาเขียวมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะและแสงแดด
    • น้ำมะพร้าว: น้ำมะพร้าวช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวและมีแร่ธาตุที่ช่วยบำรุงผิว
    • เครื่องดื่มที่มีคอลลาเจน: เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคอลลาเจน ช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่นให้ผิว ลดเลือนริ้วรอย

    เคล็ดลับเพิ่มเติม

    • ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ: การดื่มน้ำเปล่าเป็นพื้นฐานของการดูแลผิวที่ดี
    • ทานอาหารที่มีประโยชน์: เน้นผักผลไม้ ธัญพืช และโปรตีน
    • พักผ่อนให้เพียงพอ: การนอนหลับอย่างเพียงพอช่วยให้ผิวได้พักผ่อนและฟื้นฟู
    • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทำให้ผิวเปล่งปลั่ง

    ข้อควรระวัง

    • เลือกเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลน้อย: การดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพและผิวพรรณ
    • ปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ: หากมีโรคประจำตัวหรือข้อสงสัย ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนดื่มเครื่องดื่มบูสผิว

    การดูแลผิวพรรณเป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ การดื่มเครื่องดื่มบูสผิวเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการดูแลตัวเอง ควรดูแลตัวเองในด้านอื่นๆ ด้วย เพื่อให้มีผิวสวยสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก

    อาหารลดสิว

    อาหารลดสิว: เคล็ดลับผิวสวยใสจากภายในสู่ภายนอก

    สิวเป็นปัญหาผิวที่กวนใจใครหลายๆ คน ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่ การดูแลผิวให้สวยใสไร้สิวจึงเป็นสิ่งที่ทุกคนให้ความสำคัญ นอกจากการดูแลผิวภายนอกแล้ว การเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมก็มีส่วนสำคัญในการลดสิวได้เช่นกัน วันนี้เราจะมาเปิดเผยเคล็ดลับอาหารลดสิว ที่จะช่วยให้คุณมีผิวสวยใสจากภายในสู่ภายนอก

    ทำไมอาหารถึงมีผลต่อสิว?

    อาหารที่เราทานเข้าไปมีผลต่อการทำงานของร่างกาย รวมถึงผิวพรรณของเราด้วย อาหารบางชนิดอาจกระตุ้นการสร้างน้ำมันบนใบหน้า ทำให้รูขุมขนอุดตันและเกิดสิวได้ ในขณะที่อาหารบางชนิดมีสารอาหารที่ช่วยลดการอักเสบและบำรุงผิว ทำให้สิวลดลงและผิวแข็งแรงขึ้น

    อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงหากเป็นสิว

    • อาหารที่มีน้ำตาลสูง: เช่น ขนมหวาน น้ำอัดลม อาหารแปรรูป อาหารเหล่านี้จะกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน ซึ่งส่งผลให้เกิดการอักเสบและสิว
    • อาหารที่มีไขมันสูง: เช่น อาหารทอด อาหารมัน อาหารเหล่านี้จะเพิ่มการผลิตน้ำมันบนใบหน้า ทำให้เกิดสิวง่ายขึ้น
    • ผลิตภัณฑ์จากนม: บางคนอาจมีอาการแพ้แลคโตสในนม ทำให้เกิดสิวได้
    • อาหารแปรรูป: เช่น ไส้กรอก แฮม อาหารเหล่านี้มักมีโซเดียมสูงและมีสารอาหารน้อย
    • อาหารที่แพ้: หากคุณมีอาการแพ้อาหารชนิดใด ควรหลีกเลี่ยงอาหารชนิดนั้น

    อาหารที่ช่วยลดสิว

    • ผักและผลไม้: ผักและผลไม้อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยบำรุงผิวและลดการอักเสบ ควรเลือกผักและผลไม้ที่มีสีสันสดใส เช่น แครอท ฟักทอง มะเขือเทศ บรอกโคลี ผักโขม ส้ม ฝรั่ง
    • ธัญพืชไม่ขัดสี: เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ควินัว ธัญพืชเหล่านี้มีไฟเบอร์สูง ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและลดการอักเสบ
    • ปลาที่มีไขมันดี: เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาแมคเคอเรล ปลามีไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งช่วยลดการอักเสบและบำรุงผิว
    • ถั่วและเมล็ดพืช: เช่น อัลมอนด์ วอลนัท เมล็ดเจีย เมล็ดแฟลกซ์ ถั่วและเมล็ดพืชเหล่านี้มีวิตามินอีและสังกะสี ซึ่งช่วยบำรุงผิวและลดการอักเสบ
    • โยเกิร์ตและนมเปรี้ยว: โยเกิร์ตและนมเปรี้ยวมีโปรไบโอติก ซึ่งช่วยเสริมสร้างจุลินทรีย์ดีในลำไส้ ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น

    เคล็ดลับเพิ่มเติม

    • ดื่มน้ำให้เพียงพอ: ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและขับของเสียออกจากร่างกาย
    • พักผ่อนให้เพียงพอ: ช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองและลดความเครียด
    • จัดการความเครียด: ความเครียดเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดสิวได้
    • ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง: หากมีปัญหาสิวเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม

    สรุป

    การเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมเป็นส่วนสำคัญในการดูแลผิวให้สวยใสไร้สิว ควรเน้นอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและหลีกเลี่ยงอาหารที่อาจกระตุ้นให้เกิดสิว นอกจากนี้ การดูแลสุขภาพโดยรวมให้ดี ก็จะช่วยให้ผิวของคุณสวยขึ้นจากภายในสู่ภายนอก

    สระผม น้ําอุ่น น้ําเย็น

    น้ำอุ่นหรือน้ำเย็น? สระผมแบบไหนดีกว่ากัน?

    การสระผมเป็นกิจวัตรประจำวันที่หลายคนให้ความสำคัญ แต่คำถามที่หลายคนสงสัยคือ การใช้ “น้ำอุ่น” หรือ “น้ำเย็น” ในการสระผม แบบไหนดีกว่ากัน? มาหาคำตอบพร้อมกันเลยค่ะ

    น้ำอุ่น: เปิดทางให้ความสะอาด

    • ข้อดี:
      • เปิดเกล็ดผม: น้ำอุ่นจะช่วยเปิดเกล็ดผม ทำให้แชมพูสามารถทำความสะอาดได้อย่างล้ำลึก ขจัดสิ่งสกปรก น้ำมัน และรังแคได้ดี
      • ผ่อนคลายหนังศีรษะ: ความอบอุ่นของน้ำช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อหนังศีรษะ ลดอาการตึงเครียด
    • ข้อควรระวัง:
      • ทำลายเส้นผม: หากใช้น้ำร้อนจัดเกินไป อาจทำให้เส้นผมแห้งเสีย และหนังศีรษะระคายเคืองได้
      • ทำให้สีผมจางเร็ว: สำหรับผู้ที่ย้อมสีผม การใช้น้ำร้อนจัดบ่อยๆ อาจทำให้สีผมจางเร็วขึ้น

    น้ำเย็น: ปิดเกล็ดผมให้เรียบลื่น

    • ข้อดี:
      • ปิดเกล็ดผม: น้ำเย็นจะช่วยปิดเกล็ดผม ทำให้เส้นผมเรียบลื่น เงางาม และลดปัญหาผมพันกัน
      • กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต: ช่วยให้หนังศีรษะรู้สึกสดชื่น กระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม
    • ข้อควรระวัง:
      • อาจไม่สะอาดหมดจด: หากใช้เพียงน้ำเย็น อาจทำให้แชมพูล้างออกไม่หมด ทำให้เกิดคราบสะสมบนหนังศีรษะได้

    เลือกใช้อุณหภูมิน้ำอย่างไรให้เหมาะสม?

    • น้ำอุ่น: เหมาะสำหรับผู้ที่มีหนังศีรษะมัน หรือมีปัญหาเรื่องรังแค
    • น้ำเย็น: เหมาะสำหรับผู้ที่มีผมแห้งเสีย หรือต้องการให้ผมเรียบลื่น
    • น้ำอุณหภูมิปานกลาง: เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่มีหนังศีรษะและเส้นผมปกติ

    เคล็ดลับเพิ่มเติม:

    • ล้างด้วยน้ำเย็น: ไม่ว่าจะสระผมด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำปกติ ควรล้างออกด้วยน้ำเย็นในขั้นตอนสุดท้าย เพื่อช่วยปิดเกล็ดผม
    • ปรับอุณหภูมิให้เหมาะสม: หลีกเลี่ยงการใช้น้ำร้อนหรือน้ำเย็นจัดเกินไป
    • ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผม: หลังจากสระผม ควรใช้คอนดิชันเนอร์หรือทรีทเมนต์เพื่อบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง

    สรุป:

    การเลือกใช้น้ำอุ่นหรือน้ำเย็นในการสระผมขึ้นอยู่กับสภาพเส้นผมและหนังศีรษะของแต่ละบุคคล การใช้น้ำอุณหภูมิที่เหมาะสมจะช่วยให้เส้นผมของคุณดูสุขภาพดี เงางาม และลดปัญหาผมเสียได้


    เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

    ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

    คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

    ยอมรับทั้งหมด
    จัดการความเป็นส่วนตัว
    • เปิดใช้งานตลอด

    บันทึกการตั้งค่า